นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ออกมาเปิดเผยผ่านสื่อสังคมออนไลน์เมื่อวันเสาร์ (18 มี.ค.) ว่า เขาน่าจะถูกจับกุมตัวในวันอังคารนี้ (21 มี.ค.) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อัยการกำลังพิจารณาตั้งข้อหานายทรัมป์กรณีจ่ายเงินปิดปากดาราหนังสำหรับผู้ใหญ่ไม่ให้แฉความสัมพันธ์ลับ ซึ่งการกระทำดังกล่าวอาจเข้าข่ายการใช้จ่ายเงินรณรงค์หาเสียงอย่างผิดกฎหมายในศึกเลือกตั้งปี 2559
ข่าวระบุว่านายทรัมป์โพสต์ข้อความดังกล่าวผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ทรูธ โซเชียล (Truth Social) ระบุว่า ข้อมูลรั่วไหลจากสำนักงานอัยการเขตแมนฮัตตันบ่งชี้ว่า เขาจะถูกจับกุมตัวในวันอังคารที่จะถึงนี้ นายทรัมป์ได้เรียกร้องให้บรรดาผู้ที่สนับสนุนตัวเองออกมาประท้วงเพื่อ "ทวงประเทศของเราคืนกลับมา"
การที่นายทรัมป์ปลุกเร้าผู้สนับสนุนเขาให้ออกมาเคลื่อนไหวเช่นนี้ เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต และผลลัพธ์ที่ออกมาก็นับว่าเลวร้าย เพราะผู้สนับสนุนของนายทรัมป์เคยมีประวัติก่อเหตุบุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2564 เพื่อพยายามล้มผลการเลือกตั้งปี 2563 ที่นายทรัมป์พ่ายแพ้ให้กับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐคนปัจจุบัน ครั้งนั้น เขาก็ออกมาปลุกเร้าให้ผู้คนออกมาแสดงพลังสนับสนุนเขาเช่นกัน
“ข้อมูลหลุดจากสำนักงานอัยการเขตแมนฮัตตันที่ทุจริตและเล่นการเมืองอย่างมากชี้ว่า ผู้สมัครพรรครีพับลิกันและอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะถูกจับกุมในวันอังคารหน้า” เป็นข้อความที่นายทรัมป์โพสต์ลงบนทรูธ โซเชียลเมื่อวันเสาร์ (18 มี.ค.) เขาไม่ได้เอ่ยชื่อตัวเอง แต่ก็ใช้คำแทนตัวว่า “ผู้สมัครพรรครีพับลิกันและอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา” และที่น่าห่วงก็คือ เขาลงท้ายเรียกร้องให้ผู้สนับสนุน “ประท้วง เอาชาติของเรากลับคืนมา!”
โฆษกของนายทรัมป์กล่าวว่า ถึงแม้อดีตประธานาธิบดีผู้นี้จะโพสต์เกี่ยวกับเรื่องความคาดหมายว่าจะถูกจับกุมตัว แต่เอาจริงๆ เขายังไม่ได้รับแจ้งเรื่องหมายจับจากอัยการแต่อย่างใด ทรัมป์เองไม่มีหลักฐานข่าวรั่วจากสำนักงานอัยการเขต และในโพสต์ของเขาก็ไม่ได้ระบุถึงข้อหาที่อาจโดน ดูไปก็เหมือนกับเป็นการโยนหินถามทางไว้ก่อน ว่าหากเขาจะถูกจับขึ้นมาจริงๆ ผู้สนับสนุนจะลุกฮือออกมายืนเคียงข้างเขาอีกครั้งเหมือนเมื่อปี 2564 หรือไม่
เรื่องฉาวที่ทรัมป์ไม่อยากให้โดนปูด
การสอบสวนดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่ทรัมป์ต้องการได้รับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในปี 2567 ซึ่งที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีประธานาธิบดีสหรัฐคนใดไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งหรือพ้นตำแหน่งไปแล้ว ที่เคยโดนคดีอาญา ซึ่งทรัมป์กล่าวยืนยันว่า เขาจะเดินหน้าหาเสียงต่อไปแม้จะถูกตั้งข้อหาก็ตาม
ทั้งนี้ สำนักงานอัยการเขตแมนฮัตตันกำลังสอบคดีที่นายไมเคิล โคเฮน อดีตทนายความของทรัมป์ แอบจ่ายเงิน 130,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับดาวโป๊รุ่นใหญ่ที่ชื่อ “สตอร์มี แดเนียลส์” ในช่วงที่ทรัมป์เพิ่งลงหาเสียงเลือกตั้งปี 2559 เป้าหมายคือเพื่อปิดปากไม่ให้เธอพูดถึงสัมพันธ์เชิงชู้สาวที่เธอเคยมีกับทรัมป์ช่วงสิบปีก่อนหน้านั้น
สตอร์มี แดเนียลส์ หรือชื่อจริงคือ นางสเตฟานี คลิฟฟอร์ด เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสารอินทัช ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นครั้งแรกเมื่อปี 2554 โดยระบุว่า เคยมีเพศสัมพันธ์กับนายทรัมป์ เมื่อปี 2549 ไม่นานหลังจากที่นางเมลาเนีย ทรัมป์ ภรรยาของเขาคลอดบุตรชายที่ชื่อบารอน ทรัมป์
สื่อในสหรัฐกลับมาให้ความสนใจกับเรื่องนี้อีกครั้ง หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัล รายงานว่า นางแดเนียลส์ ได้รับเงินเป็นค่าสัญญาให้ปกปิดข้อมูลความสัมพันธ์ดังกล่าวเป็นความลับในช่วงก่อนหน้าการเลือกตั้งเมื่อปี 2559 ซึ่งในขณะนั้น เธอกำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจาเพื่อให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์เกี่ยวกับประธานาธิบดีทรัมป์
บทสัมภาษณ์ในรายการ 60 Minutes ของสตอร์มี แดเนียลส์ เมื่อปี 2561 ทำเรตติ้งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบเกือบ 10 ปีของรายการนี้ ด้วยยอดผู้ชม 22 ล้านคน ซึ่งมากกว่างานประกาศรางวัลแกรมมี อวอร์ดส์ งานประกาศรางวัลลูกโลกทองคำ และมากกว่าบทสัมภาษณ์ของทรัมป์และครอบครัวหลังชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีเสียอีก
ก่อนหน้ากรณีของสตอร์มี แดเนียลส์ นายทรัมป์เคยถูกอดีตนางแบบเพลย์บอย แคเรน แมคดอกัล ออกมาเปิดเผยกับ CNN ว่าเธอเคยมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับประธานาธิบดีทรัมป์ เมื่อปี 2549 ก่อนที่จะได้ทำสัญญาค่าปิดปากมูลค่า 150,000 ดอลลาร์ ซึ่งคล้ายๆกับกรณีของสตอร์มี แดเนียลส์ ที่อ้างว่าเคยมีสัมพันธ์ชู้สาวกับทรัมป์ในช่วงเวลาเดียวกัน และต้องทำสัญญาแบบเดียวกันไม่กี่เดือนก่อนศึกเลือกตั้งสหรัฐเมื่อปี 2559
สำนักข่าวรอยเตอร์สอบถามไปยังอัลวิน แบรกก์ โฆษกสำนักงานอัยการ แต่เขาปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นในคดีนี้ ขณะที่แหล่งข่าวหลายรายเปิดเผยว่า สำนักงานของแบรกก์ยื่นหลักฐานการจ่ายเงินให้ลูกขุนพิจารณา แต่ทรัมป์ปฏิเสธมาโดยตลอดว่าเขาไม่เคยมีอะไรกับผู้หญิงคนนี้ และว่าการสอบสวนของแบรกก์ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตนั้นเป็นการล่าแม่มดและเป็นการพยายามล้างแค้นทางการเมือง
แหล่งข่าววงในคนหนึ่งเผยเมื่อวันเสาร์ว่า ในวันจันทร์นี้ (20 มี.ค.) จะมีพยานเพิ่มเติมอีกหนึ่งราย ไปให้การต่อหน้าคณะลูกขุน ตามคำขอของทนายความฝั่งนายทรัมป์ ส่วนถ้อยแถลงของทรัมป์ที่คาดเดาว่าเขาจะถูกจับในวันอังคารนั้นมาจากรายงานข่าวที่ว่า สำนักงานของแบรกก์กำลังจะพบกับตำรวจเพื่อเตรียมคำฟ้อง
นางแนนซี เพโลซี อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ผู้ซึ่งอยู่ในสภาเมื่อคราวที่กลุ่มผู้สนับสนุนนายทรัมป์บุกเข้าอาคารรัฐสภาไปปะทะกับตำรวจเมื่อปี 2564 ได้ออกมาประณามเสียงเรียกร้องปลุกระดมผู้สนับสนุนของนายทรัมป์
“คำประกาศของอดีตประธานาธิบดี (โดนัลด์ ทรัมป์) เมื่อเช้านี้เป็นความประมาทเลินเล่อ ทำไปก็เพื่อให้ตัวเองเป็นข่าว และปลุกระดมความรุนแรงในหมู่ผู้สนับสนุน เขาไม่สามารถหลบซ่อนจากการละเมิดกฎหมาย ไม่เคารพการเลือกตั้ง และยังยุยงให้เกิดความรุนแรงที่เคยทำไว้ด้วย”