thansettakij
"บัฟเฟตต์" เตือนแบงก์จ่อคิวล้ม แต่ผู้ฝากเงินไม่ต้องวิตกจนเกินเหตุ

"บัฟเฟตต์" เตือนแบงก์จ่อคิวล้ม แต่ผู้ฝากเงินไม่ต้องวิตกจนเกินเหตุ

13 เม.ย. 2566 | 03:45 น.
อัปเดตล่าสุด :13 เม.ย. 2566 | 03:54 น.

“บัฟเฟตต์” มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน ออกโรงเตือนแบงก์จ่อคิวล้มละลายในอนาคตอีกระลอก ขณะที่ผู้ฝากเงินไม่ต้องวิตกกังวลจนเกินเหตุ

นายวอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกัน และเจ้าของบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ กล่าวว่า เขาเชื่อว่ายังคงมีธนาคารอีกหลายแห่งที่จ่อล้มละลายในอนาคต แต่ผู้ฝากเงินก็ไม่ควรวิตกจนเกินเหตุ

 

 "เรายังไม่ผ่านพ้นปัญหาแบงก์ล้ม แต่ผู้ฝากเงินยังไม่เคยมีวิกฤตการณ์มาก่อน โดยแบงก์ล้ม แต่ผู้ฝากเงินจะไม่ได้รับผลกระทบ" นายบัฟเฟตต์กล่าว และเสริมว่า นายธนาคารบ่างรายยังคงมีพฤติกรรมที่สร้างความเสี่ยงสำหรับผู้ถือหุ้น แต่เขายืนยันว่าผู้ฝากเงินไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนกว่าจะสูญเงิน เนื่องจากระบบของสหรัฐได้ปกป้องเงินฝากทั้งหมดในประเทศ

 "ธนาคารต่างๆเป็นผู้รับผิดชอบต้นทุนของบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) และจะไม่มีใครสูญเสียเงินฝากในธนาคาร" นายบัฟเฟตต์กล่าว

นอกจากนี้ นายบัฟเฟตต์ เน้นย้ำว่าธนาคารต่างๆจะต้องรักษาความเชื่อมั่นของประชาชน ซึ่งความเชื่อมั่นนี้พร้อมที่จะหายไปภายในเวลาไม่กี่วินาที ตามที่ได้เห็นจากการล้มละลายของธนาคารหลายแห่งก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ นายบัฟเฟตต์ถือเป็นอัศวินขี่ม้าขาวที่ได้เข้าช่วยเหลือธนาคารหลายแห่งในอดีต โดยเขาได้อัดฉีดเงินสด 5 พันล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือธนาคารโกลด์แมน แซคส์ หลังเกิดวิกฤตเลห์แมน บราเธอร์สล้มละลายในปี 2551 และได้อัดฉีดเงิน 5 พันล้านดอลลาร์เช่นกันเข้าเสริมสภาพคล่องของแบงก์ ออฟ  อเมริกาในปี 2554 เพื่อสร้างความมั่นใจต่อชาวอเมริกัน และสกัดการแห่ถอนเงินจากธนาคารดังกล่าว

ด้านนางกิตา โกปินาธ รองผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวเตือนในวันนี้ว่า สหรัฐยังคงมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจทรุดตัวลงอย่างรุนแร

ทั้งนี้ IMF เปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) เมื่อวานนี้ โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะมีการขยายตัว 1.6% ในปีนี้ เพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1%

อย่างไรก็ดี นางโกปินาธ เตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความล่อแหลม โดยมีโอกาสให้พลาดเพียงเล็กน้อย

 "ถ้าคุณดูตัวเลขคาดการณ์ของเรา เราให้ตัวเลขการขยายตัวในระดับต่ำมากสำหรับสหรัฐ ดังนั้นความเสี่ยงที่สหรัฐจะเผชิญภาวะทรุดตัวอย่างรุนแรงจึงยังคงมีอยู่" นางโกปินาธระบุ

 ต่อข้อถามที่ว่า หากสหรัฐมีการขยายตัวต่ำหรือติดลบ สิ่งนี้เกิดจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องใช่หรือไม่ นางโกปินาธกล่าวว่า นี่เป็นสิ่งที่เป็นไปได้

อย่างไรก็ดี นางโกปินาธกล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมา บรรดาธนาคารกลางต่างก็พยายามดำเนินการอย่างสมดุล ขณะที่เฟดดำเนินการอย่างถูกต้องในการจับตาเงินเฟ้อ และทำการตัดสินใจโดยขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เฟดได้รับ