นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกาทำหนังสือแจ้งประธานสภาผู้แทนราษฎรวานนี้ (1 พ.ค.)เตือน สหรัฐ อาจไม่มีเงินสดในคลังเพียงพอ และจะ ผิดนัดชำระหนี้ ภายในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ หากรัฐสภาไม่ปรับเพิ่มเพดานหนี้
สหรัฐเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกในรอบ 200 ปี
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เรียกร้องเมื่อวันจันทร์ (1 พ.ค.) ให้แกนนำสูงสุดในรัฐสภา 4 คน ได้แก่
เข้าร่วมหารือที่ทำเนียบขาวในวันอังคารที่ 9 พ.ค.นี้ เกี่ยวกับการขยายเพดานหนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้ของสหรัฐ
ทั้งนี้ การเรียกประชุมดังกล่าวมีขึ้นหลังจากนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังทำหนังสือถึงนายแมคคาร์ธีในวันเดียวกันเพื่อเตือนว่า สหรัฐเสี่ยงเงินสดหมดคลัง และจะผิดนัดชำระหนี้ภายในวันที่ 1 มิ.ย.2566 หากรัฐสภาไม่เพิ่มเพดานหนี้ พร้อมกับย้ำผลร้ายที่จะตามมาว่า หากสหรัฐผิดนัดชำระหนี้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศ อาจก่อให้เกิดหายนะทั้งทางการเงินและเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ประธานาธิบดีไบเดน แถลงด้วยว่า ตลอดกว่า 200 ปีที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาไม่เคยค้างชำระหนี้ และไม่ใช่ประเทศเบี้ยวหนี้
ส.ส.ผ่านแล้ว แต่ยังติด ส.ว.
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรที่มีพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ได้ผ่านร่างกฎหมายเพิ่มเพดานหนี้อีก 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมี "เงื่อนไข" ให้รัฐบาลตัดลดงบประมาณ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ในโครงการต่าง ๆ ซึ่งวุฒิสภาที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากและประธานาธิบดีไบเดนเอง ยืนยันจะไม่ให้การเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าวภายใต้เงื่อนไขใดๆ โดยผู้นำสหรัฐย้ำชัดเจนว่า เขาจะไม่ต่อรองเรื่องการเพิ่มเพดานหนี้ แต่จะยอมหารือตัดลดงบประมาณ หากสภาคองเกรสยอมอนุมัติเพิ่มเพดานหนี้
ทั้งนี้ สหรัฐประสบปัญหาตัวเลขหนี้สาธารณะทะลุเพดานหนี้ซึ่งกำหนดไว้ที่ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์ตั้งแต่วันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมาแล้ว แต่กระทรวงการคลังได้ใช้มาตรการพิเศษเพื่อนำเงินสดมาใช้จ่าย แต่ก็เตือนว่า คลังจะมีเงินสดใช้จ่ายถึงแค่ต้นเดือนมิ.ย.นี้เท่านั้น
ก่อนหน้านี้ในปี 2554 การงัดข้อระหว่างพรรครีพับลิกันและเดโมแครตเรื่องการเพิ่มเพดานหนี้ เคยทำให้ประเทศสหรัฐเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว และทำให้ประเทศถูกลดอันดับความน่าเชื่อถือลงมาด้วย