ตัวเลขของทางการ อิสราเอล ระบุว่า นับตั้งแต่ที่ กลุ่มฮามาส ซึ่งเป็น กลุ่มติดอาวุธปาเลสไตน์ ใน เขตฉนวนกาซา เริ่มระดมโจมตีอิสราเอลทั้งทางอากาศ ภาคพื้นดินและทางน้ำอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อเช้าตรู่วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม 2566 ขณะนี้ ยอดผู้เสียชีวิต ทั้งทหารและพลเรือนฝ่ายอิสราเอลได้ขยับขึ้นเป็นอย่างน้อย 1,300 ราย ( ณ วันที่ 15 ต.ค.ซึ่งเป็นวันที่ 8 ของการสู้รบ) บาดเจ็บ 3,227 ราย
ขณะที่ในฉนวนกาซา ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของชาวปาเลสไตน์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอิสราเอล กระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์รายงานว่า มียอดผู้เสียชีวิตจากการโต้กลับของอิสราเอลด้วยการโจมตีทางอากาศ อย่างน้อย 2,329 ราย บาดเจ็บ 9,714 ราย คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อไปอีกเนื่องจากการสู้รบยังคงดำเนินต่อเนื่อง
ความตึงเครียดในสัปดาห์ที่สองของการสู้รบคาดว่าจะพุ่งสูงขึ้น เมื่อกองทัพอิสราเอลเริ่มการบุกฉนวนกาซาภาคพื้นดินเพื่อตามล่าตัวกลุ่มฮามาสและบุกเข้าช่วยตัวประกันที่โดนจับไปนับร้อยคน (ตัวเลขยืนยันของอิสราเอลคือ 155 คน) หลังจากที่กลาโหมอิสราเอลได้ประกาศเตือนล่วงหน้าไว้แล้วเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา(13 ต.ค.) ให้พลเรือนในฉนวนกาซาทางตอนเหนือซึ่งมีมากกว่า 1.1 ล้านคนอพยพลงทางใต้ของฉนวนกาซาเพื่อความปลอดภัย เพราะอิสราเอลนั้นประกาศกวาดล้างฮามาสให้สิ้นซาก
CNN รายงานอ้างอิงการบอกเล่าของเจ้าหน้าที่สาธารณภัยว่า เมืองกาซาตกอยู่ในสภาพของภัยพิบัติอย่างสิ้นเชิง นอกจากความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน สภาพบ้านเรือนที่ย่อยยับ ขณะนี้ สภาพความเป็นอยู่ของผู้คนตกอยู่ในอันตรายจากการโจมตีทางอากาศและทางภาคพื้นดิน การปิดล้อมของอิสราเอลทำให้ขาดแคลนน้ำสะอาดสำหรับการอุปโภคบริโภครวมทั้งอาหาร ที่เลวร้ายยิ่งไปกว่านั้น คือการปิดล้อมทำให้ประชาชนหมดหนทางที่จะหลบหนีและขณะเดียวกันก็ยากที่จะนำความช่วยเหลือด้านมนุษยชนเข้าสู่พื้นที่
นายทีโดรส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์(15ต.ค.) ว่า เขารู้สึกกังวลอย่างมากต่อการโจมตีของอิสราเอลซึ่งส่งผลให้พลเรือนปาเลสไตน์และเด็กๆที่บริสุทธิ์ ต้องมาชดใช้และตกเป็นผู้รับเคราะห์ พร้อมกันนี้ ยังได้เรียกร้องให้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันพลเรือนทุกคน “สงครามรังแต่จะนำมาซึ่งการทำลายล้างและภาพอันน่าสยดสยอง” ผู้อำนวยการใหญ่ของ WHO ย้ำว่า ภัยสงครามกำลังทำให้สุขภาพของประชาชนหลายล้านคนตกอยู่ในความเสี่ยง
มีความเป็นไปได้ที่สงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสจะลุกลามกลายเป็นความขัดแย้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ทั้งนี้ อิหร่านที่ปฏิเสธความเกี่ยวข้องและยืนยันว่าไม่ได้หนุนหลังกลุ่มฮามาสในการโจมตีอิสราเอลมาโดยตลาด ล่าสุดได้ออกมา ขู่ว่าจะตอบโต้อิสราเอลหากเปิดปฏิบัติการภาคพื้นดินเข้าไปกวาดล้างนักรบฮามาสในเขตฉนวนกาซา
ขณะที่ฝ่ายนักรบฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ก็กำลังเปิดฉากสู้รบกับอิสราเอลบริเวณชายแดนของทั้งสองประเทศ (ทางตอนใต้ของเลบานอนและทางเหนือของอิสราเอล) โดยฮิซบอลเลาะห์ระบุพวกตนตอบโต้กองทัพอิสราเอลที่เปิดฉากโจมตีเข้ามาก่อนทำให้ต้องสูญเสียกำลังพลไปจำนวนหนึ่ง
ทั้งนี้ การปะทะกันระหว่างกลุ่มนักรบฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธฝักใฝ่อิหร่าน กับกองทัพอิสราเอลนั้น เริ่มหนักหน่วงขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา มีรายงานผู้เสียชีวิตนับสิบคนในฝั่งเลบานอน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพวกนักรบ แต่ขณะเดียวกันก็มีพลเรือนถูกลูกหลงเสียชีวิตด้วยซึ่งรวมถึงผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์ 1 ราย และพลเรือนเลบานอน 2 ราย ขณะที่ในฝั่งของอิสราเอลมีผู้เสียชีวิต 2 ราย (ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา)
ขณะที่อีกด้านในเขตที่ราบสูงโกลันที่ติดกับซีเรีย อิสราเอลกำลังต่อสู้กับกองกำลังติดอาวุธที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านและมีฐานปฏิบัติการอยู่ในประเทศซีเรีย เท่ากับว่าขณะนี้ อิสราเอลกำลังเปิดแนวรบสามด้าน
นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์ซีบีเอสว่า "มีความเสี่ยงอย่างแท้จริงที่ความขัดแย้งนี้จะลุกลามบานปลาย" เพราะกำลังมีการเปิดแนวรบด้านที่สองทางภาคเหนือของอิสราเอล และสหรัฐเชื่อว่า อิหร่านมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
นายโจชัว ซาร์กา เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอิสราเอล กล่าวหาว่า อิหร่านกำลังพยายามเปิดแนวรบที่สองทางตอนเหนือของอิสราเอลโดยการส่งอาวุธเข้า หรือผ่านซีเรีย ขณะที่อิสราเอลยกระดับปฏิบัติการรุกตอบโต้ในฉนวนกาซาทางตอนใต้
นายซาร์กา ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายกิจการยุทธศาสตร์ของกระทรวงการต่างประเทศอิสราเอล ตอบโพสต์บนแพลตฟอร์ม X (ทวิตเตอร์) ของผู้ใช้ที่ชื่อว่า @joel_rayburn ซึ่งพูดถึงเรื่องอิหร่านส่งอาวุธผ่านซีเรียว่า "พวกเขา (อิหร่าน) ทำจริง"
ก่อนหน้านี้ ซีเรียกล่าวหาอิสราเอลว่าเป็นผู้โจมตีสนามบินในดามัสกัสและอะเลปโปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
โพสต์ต้นทางระบุว่า "การที่อิสราเอลโจมตีรัว ๆ เพื่อปิดทางสนามบินดามัสกัสและอะเลปโปนั้นเป็นข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่า 1) อิหร่านกำลังพยายามเคลื่อนย้ายอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ไปยังหรือผ่านซีเรียเพื่อเปิดแนวรบด้านเหนือ และ 2) อิสราเอลกำลังใช้มาตรการเชิงรุกเพื่อป้องกันเหตุล่วงหน้า"
นายซาร์กายังตอบข้อ 2 ของโพสต์ต้นทางด้วยว่า "เรากำลังทำอยู่"
นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐแถลงเมื่อวันเสาร์ (14ต.ค.) ระบุว่า สหรัฐกำลังส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สองไปยังทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก เพื่อป้องปราม “พฤติกรรมที่เป็นปรปักษ์” กับอิสราเอล หรือความพยายามใดๆในการที่จะขยายวงสงครามนี้ ตามหลังการโจมตีของฮามาส กล่าวง่ายๆก็คือ สหรัฐกำลังส่งสัญญาณเตือนไปยังบรรดากลุ่มติดอาวุธหรือประเทศใดก็ตามที่เป็นศัตรูกับอิสราเอล ว่าอย่าได้ฉวยโอกาสรุมซ้ำเติม(อิสราเอล) ในช่วงเวลานี้
ทั้งนี้ รายงานระบุว่า กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี “ยูเอสเอส ดไวท์ ดี ไอเซนฮาวเออร์” และเรือรบบริวาร จะเข้าร่วมกับกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่นำโดยเรือบรรทุกเครื่องบินยูเอสเอส เจรัลด์ อาร์. ฟอร์ด ที่ล่วงหน้าเข้าไปประจำการอยู่ในภูมิภาคดังกล่าวก่อนหน้านี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ผู้แทนอิหร่านในสหประชาชาติ (ยูเอ็น) กล่าวว่า สถานการณ์อาจลุกลามบานปลายและส่งผลลัพธ์ใหญ่หลวงตามมา ถ้าหากอิสราเอลไม่ยุติการก่ออาชญากรรมสงครามและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ โดยอิหร่านจะถือว่านี่เป็นความรับผิดชอบของยูเอ็น คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) และบรรดาชาติพันธมิตรทั้งหลายที่ให้การสนับสนุนอิสราเอล
ด้านนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ซึ่งเป็นหนึ่งในชาติสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ มีแถลงการณ์วานนี้ (15 ต.ค.) ว่า ปฏิบัติการของอิสราเอลในฉนวนกาซาถือว่า "เกินขอบเขตการป้องกันตัว" และจีนเรียกร้องให้รัฐบาลอิสราเอล "ยุติการลงโทษรวมหมู่ต่อประชาชนในฉนวนกาซา"
ทั้งนี้ นายหวังยังได้สนทนาทางโทรศัพท์กับเจ้าชายไฟซัล บิน ฟาร์ฮาน รัฐมนตรีต่างประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันเสาร์ (14 ต.ค.) โดยเขาเน้นย้ำว่า "ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องไม่ควรดำเนินการใด ๆ เพื่อทำให้สถานการณ์บานปลาย และควรกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาโดยเร็วที่สุด"