นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พบหารือกับเชค มุฮัมมัด บิน อับดุรเราะฮ์มาน บิน ญาสซิม อาล ษานี นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของรัฐกาตาร์ ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ วานนี้ (31 ต.ค.) โดยมี ดร. มุฮัมมัด บิน อับดุลอะซีซ อาล คุลัยฟี รัฐมนตรีแห่งรัฐ รัฐกาตาร์ ร่วมการหารือด้วย
ในการพบปะครั้งนี้ ฝ่ายไทยชื่นชมบทบาทนำและความพยายามอย่างแข็งขันของกาตาร์ในการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมและการเป็นสื่อกลางไกล่เกลี่ยความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเป็นธรรมในตะวันออกกลางและระหว่างประเทศ ต่อสถานการณ์ในอิสราเอลและกาซา
ทั้งไทยและกาตาร์สนับสนุนการเจรจาซึ่งจะนำไปสู่ทางออกที่สันติอย่างจริงใจและสร้างสรรค์ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ และแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียชีวิตและความเสียหายต่อทรัพย์สิน โดยเฉพาะพลเรือนที่บริสุทธิ์ ซึ่งรวมถึงแรงงานไทยที่ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกรในพื้นที่ด้วย
ในโอกาสนี้ ฝ่ายไทยได้ขอรับการสนับสนุนจากกาตาร์เพื่อช่วยให้มีการปล่อยตัวคนไทยและคนชาติอื่นที่ถูกจับเป็นตัวประกันโดยเร็วที่สุด ซึ่งกาตาร์ยินดีและรับจะช่วยดำเนินการอย่างเต็มที่ โดยกาตาร์ยืนยันว่า คนไทยไม่มีความเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง และเห็นว่าจะเป็นตัวประกันต่างชาติกลุ่มแรก ๆ ที่ได้รับการปล่อยตัว ทั้งนี้ การสู้รบที่ยังดำรงอยู่ เป็นอุปสรรคสำคัญของการดำเนินการ
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือทวิภาคี โดยหวังให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และพร้อมเพิ่มพลวัตรความสัมพันธ์ในทุกสาขา โดยเฉพาะด้านพลังงาน ความมั่นคงทางอาหาร การท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และการค้าการลงทุน ตลอดจนแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในภูมิภาค และประเด็นอื่น ๆ ที่อยู่ในความสนใจร่วมกันด้วย
ในวันเดียวกัน นายปานปรีย์ยังได้พบหารือกับ ดร. ฮุซัยน์ อะมีร อับดุลลอฮิยอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน ณ กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ ด้วย โดยต่างแสดงความยินดีที่ทั้งสองฝ่ายเดินทางเยือนกาตาร์ในช่วงเวลาเดียวกัน
ทั้งไทยและอิหร่าน แสดงความห่วงกังวลต่อสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลและกาซา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบต่อพลเรือนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งในการนี้ ฝ่ายไทยขอรับการสนับสนุนจากอิหร่านให้มีการปล่อยตัวคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน ซึ่งฝ่ายอิหร่านก็ได้รับจะให้การสนับสนุนอย่างเต็มความสามารถ
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการขยายความร่วมมือทวิภาคี และการส่งเสริมความสัมพันธ์ในทุกมิติ ตลอดจนแลกเปลี่ยนมุมองเกี่ยวกับพัฒนาการในภูมิภาคด้วย
การเดินทางเยือนประเทศตะวันออกกลางของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศครั้งล่าสุดนี้ มีกำหนดการเยือนสองประเทศ คือ
โดยมีกำหนดพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันจากสถานการณ์สู้รบในอิสราเอล และแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับสถานการณ์และพัฒนาการในภูมิภาค หารือถึงการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคี รวมถึงประเด็นอื่น ๆ ที่อยู่ในความสนใจร่วมกัน
นายปานปรีย์ย้ำว่า ความตั้งใจของไทยคืออยากให้มีการปล่อยตัวประกันโดยเร็วที่สุด อย่างไรก็ดีขณะนี้ ไม่มีใครทราบว่า ตัวประกันทั้งหมดอยู่ที่บริเวณใด หรืออยู่ในประเทศใด และอยู่ในหรือนอกฉนวนกาซาหรือไม่ แต่รัฐบาลไทย เราพร้อมเปิดการเจรจาทุกช่องทางที่มีอยู่ ที่จะสามารถประสานกับฮามาสได้ เพื่อขอให้ปล่อยตัวประกันโดยเร็วที่สุด
สำหรับสถานการณ์สู้รบระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ที่มีผลกระทบต่อคนไทยในอิสราเอลนั้น ล่าสุด (สถานะอัปเดตวันที่ 31 ต.ค. 2566) กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) แจ้งว่า
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (1 พ.ย.2566) มีสัญญาณเชิงบวกเมื่อกองพลน้อยอัล-กัสซัม (al-Qassam) ของกลุ่มฮามาส ออกแถลงการณ์ระบุว่า กลุ่มฮามาสจะทำการปล่อยตัวประกันชาวต่างชาติจำนวนหลายรายภายในเวลาอีกไม่กี่วัน
"เราได้แจ้งคนกลางเจรจาไกล่เกลี่ยว่า เราจะปล่อยตัวประกันต่างชาติจำนวนหนึ่งในอีกไม่กี่วัน" แถลงการณ์ระบุ โดยไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดอย่างอื่น ทั้งนี้ คาดว่ากลุ่มฮามาสได้ควบคุมตัวประกันไว้ราว 240 คนในฉนวนกาซา หลังจากที่ได้บุกข้ามพรมแดนโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา
ก่อนหน้านี้ กลุ่มฮามาสได้ปล่อยตัวประกันออกมาแล้วรวม 4 คน เป็นสตรีชาวอเมริกัน 2 คน และสตรีสูงวัยชาวอิสราเอล 2 คน ขณะที่กองทัพอิสราเอลสามารถเข้าช่วยเหลือตัวประกันที่เป็นทหารหญิงอิสราเอลอีก 1 คนเมื่อวันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมาในระหว่างการใช้ปฏิบัติการภาคพื้นดินในฉนวนกาซา