ภายใต้ มาตรการแจกเงินช่วยเหลือโดยตรง แก่ประชาชนฉบับใหม่ของ อินโดนีเซีย ที่เพิ่งประกาศในปีนี้ ครอบครัวชาวอินโดนีเซียที่เข้าเงื่อนไขได้รับสิทธิประโยชน์ จะได้รับ เงินช่วยเหลือ เดือนละ 200,000 รูเปีย หรือประมาณ 12.61 ดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยราว 476 บาท ณ อัตราแลกเปลี่ยน 1,000 รูเปีย = 2.38 บาท) เป็นเวลา 2 เดือน คือ เดือนพ.ย. และ ธ.ค. นี้ ครอบคลุม 18.8 ล้านครัวเรือน
อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ไม่ได้แจกถ้วนหน้าเหมือนในสิงคโปร์ (ที่แจกประชาชนทุกคนอายุตั้งแต่ 21 ปี ขึ้นไป) แต่เจาะจงเฉพาะกลุ่ม มุ่งช่วยเหลือ ครอบครัวที่ยากจน-รายได้น้อย ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่พุ่งสุงขึ้นและจากภาวะเอลนิโญที่ทำให้เกิดภัยแล้งและการขาดแคลนพืชผลการเกษตรในหลายพื้นที่เพาะปลูกทั่วประเทศ รวมทั้ง “ข้าว” ที่เป็นอาหารสำคัญของประชาชน
ดังนั้น นอกจากการแจกเงินแล้ว รัฐบาลอินโดนีเซียยัง แจกข้าวสาร แก่ครอบครัวที่ยากจนเดือนละครั้งๆละ 10 กิโลกรัมมาตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา เดิมจะแจกจนถึงเดือนธันวาคม 2566 แต่ขณะนี้ ได้รับการขยายเวลาแจกต่อยาวถึงเดือนมิ.ย.ปี 2567
ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซียประกาศใช้มาตรการแจกเงินช่วยเหลือโดยตรงแก่ประชาชนภายใต้ชื่อมาตรการ direct cash assistance (BLT) เมื่อเดือนตุลาคม หลังลงพื้นที่เยี่ยมเยือนประชาชนในเขตสุมาตราตะวันตก ซึ่งได้ไปตรวจสอบปริมาณข้าวคงคลังของสำนักงานโลจิสติกส์สินค้าโภคภัณฑ์ของรัฐบาลกลาง (Bulog) แล้วพบว่า ภาวะภัยแล้งจากเอลนิโญกำลังส่งผลกระทบต่อปริมาณพืชผลการเกษตร
“เราไม่ต้องการให้เอลนิโญเป็นตัวการบั่นทอนกำลังซื้อของประชาชน” ด้วยเหตุนี้ จึงประกาศใช้ มาตรการแจกเงินโดยตรง เพื่อให้ความช่วยเหลือ มาตรการดังกล่าวถูกเรียกขานในชื่อลำลองว่า “เอลนิโญ BLT” เริ่มแจกในเดือนพ.ย.และ ธ.ค. 2566 โดยจะได้รับครอบครัวละ 200,000 รูเปียต่อเดือน หรือประมาณ 12.61 ดอลลาร์สหรัฐ (คิดเป็นเงินไทยราว 476 บาท)
โครงการแจกเงินโดยตรง (BLT) มีมูลค่าวงเงินรวม 7.52 ล้านล้านรูเปีย แจกผ่านการดำเนินการของกระทรวงกิจการทางสังคม คาดว่าจะมีผู้ได้รับประโยชน์ภายใต้โครงการจำนวนราว 18.8 ล้านครัวเรือน ซึ่งครัวเรือนรายได้น้อยที่เข้าข่ายผู้ยากไร้เหล่านี้เรียกว่ากลุ่ม “ครัวเรือนที่ได้รับประโยชน์” (beneficiary families) ที่มีรายชื่อ ที่อยู่ และบัญชีธนาคารอยู่ในทะเบียนของทางกระทรวงอยู่แล้ว จึงสามารถแจกเข้าบัญชีได้ทันที
ส่วน มาตรการแจกข้าวสารฟรี ที่ขยายเวลาเพิ่มเติมในเดือนธันวาคม จากเดิมที่มีแผนจะแจกเพียง 2 เดือน คือกันยายนและพฤศจิกายน จะใช้งบประมาณราว 2.6 ล้านล้านรูเปีย แจกผ่านสำนักงานอาหารแห่งชาติ (National Food Agency) โดยมีครัวเรือนที่จะได้รับประโยชน์ 21.3 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ ต่อมาต้นเดือนพ.ย.2566 รัฐบาลอินโดนีเซียประกาศเพิ่มเติมจะขยายเวลามาตรการแจกข้าวสารไปจนถึงเดือนมิถุนายนปีหน้า (2567)
ปัจจุบัน หน่วยงานของอินโดนีเซียได้รับอนุญาตให้นำเข้าข้าวได้เพิ่มเติม 1.5 ล้านตัน จากเดิมที่มีโควตานำเข้าได้ 2.3 ล้านตัน เพื่อให้เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ
นางศรี มุลยานี อินทราวาตี รัฐมนตรีคลังอินโดนีเซีย กล่าวเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมาว่า ทั้งการแจกเงินช่วยเหลือและการแจกข้าว จะใช้เงินงบประมาณของรัฐ เป้าหมายเพื่อช่วยให้ประชาชนในกลุ่มรายได้น้อยสามารถประคองกำลังซื้อท่ามกลางเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่สูงขึ้น
ข้อมูลอ้างอิง