ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หนึ่งในข่าวใหญ่ด้านสาธารณสุขที่ทำให้ องค์กรอนามัยโลก (WHO) ต้องเคลื่อนไหว คือประเด็นการระบาดหนักของโรคทางเดินหายใจ และคลัสเตอร์ ปอดอักเสบในเด็ก ที่ ประเทศจีน ทำให้นักวิทยาศาสตร์ต้องออกโรงเตือนเกี่ยวกับเรื่องนี้ เกรงว่านี่อาจเป็นการระบาดใหญ่รอบใหม่ของโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
มาเรียน คูปแมนส์ นักไวรัสวิทยาในทีมที่ปรึกษาขององค์การอนามัยโลก (WHO) ด้านการระบาดใหญ่ของโควิด-19 กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์เกี่ยวกับการค้นพบการระบาดของโรคทางเดินหายใจและปอดอักเสบในประเทศจีนว่า เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง และต้องการข้อมูลที่มากกว่านี้จากทางการจีน โดยเฉพาะข้อมูลด้านการวินิจฉัยโรค
ผู้ป่วยโรคปอดอักเสบส่วนใหญ่ในจีนขณะนี้ เป็นเด็ก โดยพื้นที่แพร่ระบาดอยู่ทางตอนเหนือของประเทศ เช่นกรุงปักกิ่ง และมณฑลเหลียวหนิง ซึ่งมีรายงานคนไข้ต่อคิวรอรับการรักษาแน่นขนัด
ความกังวลเกี่ยวกับการระบาดใหญ่รอบใหม่เกิดขึ้นทั่วโลก หลังจากมีรายงานที่น่ากังวลเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (21 พ.ย.) เผยแพร่โดย ProMED ซึ่งเป็นหน่วยงานเฝ้าระวังโรคอุบัติใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ International Society for Infectious Diseases ระบุว่า พบกลุ่มก้อนการระบาดของโรคทางเดินหายใจในจีน และเรียกร้องให้จีนเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “โรคปอดอักเสบที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย-จีน(เหลียวหนิง)” ซึ่งระบุถึงพิกัดการระบาดในกรุงปักกิ่ง และมณฑลเหลียวหนิงของจีน
ข้อความมาตรฐานที่เคยใช้เตือนภัยการพบเชื้อโคโรนาไวรัสที่ต่อมาได้กลายเป็น “โควิด-19” ที่ระบาดใหญ่ไปทั่วโลกนั้น ถูกระบุไว้โดยหน่วยงานดังกล่าวเช่นกันเมื่อ 30 ธันวาคม 2019 โดยใช้ข้อความว่า “โรคปอดอักเสบที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย – จีน (หูเป่ย)”
รอยเตอร์รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ต่างมองข้อมูลการแจ้งเตือนที่มีความคล้ายคลึงกันนี้ ได้นำไปสู่ความกังวลถึงการระบาดใหญ่ของ “โรคอุบัติใหม่” ที่อาจเป็นไปได้ แต่ยังไม่มีข้อมูลว่า การระบาดของเชื้อโรคนี้จะกลายเป็นการระบาดใหญ่ได้หรือไม่ โดยจากข้อมูลที่มีอยู่ ณ ขณะนี้ มีแนวโน้มที่จะเป็นโรคระบบทางเดินหายใจเหมือนกับไข้หวัดใหญ่ หรืออาจเป็นการระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ก็เป็นได้
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกจะขอข้อมูลจากประเทศต่าง ๆ ที่พบรายงานโรคที่ไม่สามารถวินิจฉัยได้เป็นปกติอยู่แล้ว แต่สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ ทางองค์การได้ตัดสินใจออกแถลงการณ์เรื่องการขอข้อมูลจากจีนเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (22 พ.ย.)
นายไบรอัน แมคคลอสกีย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขในทีมที่ปรึกษาของ WHO ด้านการระบาดใหญ่ กล่าวว่า “สิ่งที่เรากำลังจับตาคือท่าทีของ WHO ในการบังคับใช้ระบบกฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ” ซึ่งเป็นกฎที่ให้ประเทศต่าง ๆ ทำงานร่วมกับอนามัยโลกเมื่อมีการระบาดของโรคที่เกิดขึ้นในประเทศ แต่เห็นว่าอาจไม่ได้เป็นการระบาดใหญ่จากข้อมูลที่มีอยู่ในมือตอนนี้
ที่ผ่านมา จีนและ WHO ถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับความโปร่งใสในช่วงเริ่มต้นของการระบาดใหญ่ของโควิด-19 โดย WHO วิพากษ์วิจารณ์จีนมาตลอดว่า ปกปิดข้อมูลเรื่องการระบาดและตัวเลขผู้เสียชีวิต เมื่อจีนสั่งยกเลิก “มาตรการโควิดเป็นศูนย์” เช่นเดียวกับเรื่องของต้นตอของโควิด-19
ทั้งนี้ จีนมีเส้นตาย 24 ชั่วโมงในการให้ข้อมูลกลับมายัง WHO ภายใต้กฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศของอนามัยโลก
ทางการจีนได้ตอบรับคำขอของ WHO และข้อมูลที่จีนส่งกลับมาให้นั้น ชี้ว่าเคสการระบาดมีความเชื่อมโยงกับการปลดล็อกมาตรการโควิดเป็นศูนย์ พร้อม ๆ กับการแพร่ระบาดของเชื้อไมโครพลาสมา ซึ่งเป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่พบโดยทั่วไปในเด็ก ซึ่งเริ่มระบาดมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ในเดือนพ.ย.นี้ ทางการจีนได้เริ่มออกคำแนะนำด้านสาธารณสุข ระบุว่ากำลังจับตาสถานการณ์ และเตือนประชาชนเกี่ยวกับความแออัดของโรงพยาบาลที่อาจนำไปสู่ความเสี่ยงของการติดเชื้ออื่น ๆ ตามสถานพยาบาลได้ แต่ไม่ได้มีการออกมาตรการใด ๆ เหมือนในช่วงโควิดระบาด เช่น การสวมหน้ากากหรือการปิดสถานศึกษา และไม่ได้มีภาวะความกังวลในหมู่ประชาชนจีนในขณะนี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า บรรดาพ่อแม่ในกรุงปักกิ่งไม่ได้แสดงความวิตกกังวลมากนักเกี่ยวกับการระบาดของโรคปอดอักเสบในเด็กครั้งนี้ แม้ว่าจะดูรุนแรงขึ้น แต่พวกเขาก็เชื่อว่าจะจบสิ้นลงในเร็ววันนี้
ด้านกระทรวงสาธารณสุขจีนเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (27 พ.ย.) ว่า ได้สั่งการให้ทางการท้องถิ่น เพิ่มจำนวนคลินิกทั่วประเทศ ท่ามกลางการระบาดของโรคระบบทางเดินหายใจในช่วงฤดูหนาวแรกที่จีนยกเลิกมาตรการโควิดเป็นศูนย์
โฆษกคณะกรรมาธิการด้านสาธารณสุขแห่งชาติจีน (National Health Commission-NHC) เปิดเผยว่า การเพิ่มขึ้นของโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันในจีนนั้น มีส่วนเชื่อมโยงกับการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของเชื้อโรคบางชนิด โดยส่วนใหญ่เป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ และว่าได้สั่งเพิ่มจำนวนคลินิกที่ดูแลผู้ป่วยกลุ่มนี้เพิ่มขึ้น และขยายเวลาการให้บริการรวมทั้งให้ความเชื่อมั่นว่าจะมีปริมาณยารักษาเพียงพอ
นอกจากนี้ โฆษกคณะกรรมาธิการด้านสาธารณสุขแห่งชาติจีน ยังเสริมว่า เป็นเรื่องจำเป็นที่จะต้องควบคุมการระบาดในประเทศ และจำกัดการเข้าถึงพื้นที่คนพลุกพล่าน เช่น โรงเรียน ศูนย์ดูแลเด็ก และศูนย์ดูแลคนชรา เพื่อลดความเสี่ยงการระบาด
ทางการจีนยอมรับว่า ไข้หวัดใหญ่อาจระบาดหนักในฤดูหนาวและฤดูใบไม้ผลิปีนี้ ขณะที่การระบาดของเชื้อไมโครพลาสมาที่เป็นสาเหตุของโรคปอดอักเสบจะยังพุ่งสูงในบางพื้นที่ของจีนในอนาคต พร้อมทั้งเตือนถึงความเสี่ยงของการกลับมาระบาดของโควิด-19 อีกด้วย
ล่าสุด สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา (24 พ.ย.) เจ้าหน้าที่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมายืนยันว่า โรคทางเดินหายใจที่กำลังแพร่ระบาดในจีน "ไม่ใช่เชื้ออุบัติใหม่" และกล่าวว่าจำนวนผู้ป่วยยังไม่สูงเท่าช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19
มาเรีย เเวน เคิร์คโฮฟ รักษาการผู้อำนวยการฝ่ายเตรียมการรับมือและป้องกันการระบาดของโรคของ WHO กล่าวว่า จำนวนผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจที่เพิ่มขึ้นในจีน น่าจะมาจากเหตุที่ว่ามีเด็กจำนวนเพิ่มขึ้นที่เคยเลี่ยงเชื้อเหล่านี้ในตอนที่มีมาตรการป้องกันโควิด แต่เพิ่งมาได้รับเชื้อในเวลานี้
"นี่ไม่ใช่ตัวบ่งชี้ของเชื้ออุบัติใหม่ นี่เป็นสิ่งที่ถูกคาดหมายไว้อยู่แล้ว และเป็นสิ่งที่ประเทศส่วนใหญ่รับมือมาเเล้วช่วงหนึ่งถึงสองปีก่อน"
สอดคล้องกับข้อมูลของทางการจีนที่ว่า จำนวนการล้มป่วยที่มากขึ้นจากอาการทางระบบทางเดินหายใจที่รุนเเรง เชื่อมโยงกับเชื้อหลายชนิด ซึ่งส่วนมากเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่