"นิปปอน สตีล" ทุ่มหมื่นล้าน เทคโอเวอร์ "ยูเอส สตีล" ขึ้นแท่นเบอร์ 3 ของโลก

18 ธ.ค. 2566 | 23:23 น.
อัปเดตล่าสุด :19 ธ.ค. 2566 | 00:03 น.

"นิปปอน สตีล" ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตเหล็กอันดับ1 ของญี่ปุ่นประกาศทุ่มเงินกว่า 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นเงินสด ซื้อกิจการบริษัท "ยูเอส สตีล" ในสหรัฐ ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตพุ่งทะยาน และขึ้นแท่นเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่อันดับสามของโลก

 

นิปปอน สตีล คอร์ป (นิปปอน สตีล) ซึ่งเป็น บริษัทผู้ผลิตเหล็ก รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และใหญ่อันดับ 4 ของโลก เปิดเผยวานนี้ (18 ธ.ค.) ว่า จะเข้าซื้อกิจการ บริษัท ยูไนเต็ด สเตทส์ สตีล คอร์ป หรือ ยูเอส สตีล ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเหล็กรายใหญ่อันดับ 27 ของโลก ด้วยเงินสดในวงเงิน 14,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

รายงานข่าวระบุว่า  นิปปอน สตีล เสนอซื้อหุ้นยูเอส สตีลในราคาหุ้นละ 55 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าราคา ณ ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (15 ธ.ค.) ถึง 40%

ทั้งนี้ บริษัทที่เกิดขึ้นหลังการควบรวมกิจการดังกล่าวจะกลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และทำให้นิปปอน สตีลมีกำลังการผลิตเหล็กดิบทั่วโลกราว 86 ล้านตันต่อปี ซึ่งจะปูทางไปสู่เป้าหมายของบริษัทที่ตั้งไว้ 100 ล้านตันต่อปี

 

ยูเอส สตีล ก่อตั้งมายาวนานถึง 122 ปี

ราคาหุ้น "ยูเอส สตีล" พุ่งรับดีลการเทคโอเวอร์

ภายในวันเดียวกันนั้น ข่าวดีลการเทคโอเวอร์โดยยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตเหล็กจากญี่ปุ่นทำให้ราคาหุ้นของบริษัท ยูไนเต็ด สเตทส์ สตีล คอร์ป (ยูเอส สตีล) ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทผลิตเหล็กรายใหญ่อันดับ 27 ของโลกและมีอายุการก่อตั้งมายาวนาน 122 ปี สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองพิทส์เบิร์ก ศูนย์กลางอุตสาหกรรมเหล็กของสหรัฐ พุ่งขึ้นทันทีในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท

โดย ณ เวลา 22.51 น. (ของวันจันทร์ที่ 18 ธ.ค.) ตามเวลาไทย ราคาหุ้นยูเอส สตีลพุ่งขึ้น 26.52% สู่ระดับหุ้นละ 49.76 ดอลลาร์

นิปปอน สตีลคาดว่า จะสามารถปิดข้อตกลงดังกล่าวในช่วงไตรมาส 2 หรือ 3 ของปี 2567 โดยขึ้นอยู่กับการอนุมัติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นของยูเอส สตีล และการอนุมัติจากหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบในสหรัฐอเมริกา

นาย เออิจิ ฮาชิโมโตะ ประธานบริษัท นิปปอน สตีล กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “เราตั้งหน้าตั้งตารอที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดกับทีมของยูเอส สตีล เพื่อนำส่วนที่ดีที่สุดของบริษัทของเรามาผนวกกันและก้าวไปข้างหน้าในฐานะผู้ผลิตเหล็กที่ดีที่สุด ด้วยสมรรถนะในระดับชั้นนำของโลก”

ปัจจุบัน นิปปอน สตีล คอร์ป เป็นบริษัทผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และใหญ่อันดับ 4 ของโลก

ขณะที่นายเดวิด บี เบอร์ริตต์ ซีอีโอของ ยูเอส สตีล กล่าวว่า “นิปปอน สตีล มีประวัติการเข้าซื้อ ดำเนินกิจการ และทำการลงทุนในโรงงานผลิตเหล็กทั่วโลกในระดับที่เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง และเราก็มั่นใจว่า การควบรวมกิจการครั้งนี้จะเป็นผลดีที่สุดต่อทุกฝ่าย”

สหภาพแรงงานยืนกรานคัดค้าน

สำนักข่าววีโอเอ สื่อใหญ่ของสหรัฐรายงานว่า ภายใต้ข้อตกลงซื้อกิจการนี้ นิปปอน สตีล จะไม่แตะต้องสัญญาและข้อตกลงต่าง ๆ ที่บริษัทยูเอส สตีล ทำไว้กับสหภาพแรงงานของตน รวมทั้งจะไม่เปลี่ยนชื่อบริษัท และจะคงที่ทำการใหญ่ของธุรกิจไว้ที่เมืองพิตส์เบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ต่อไปด้วย

ถึงกระนั้น สหภาพแรงงาน United Steelwork หรือ USW ก็ยังมีท่าทีต่อต้านการตกลงซื้อขายกิจการครั้งนี้อยู่ดี โดยสมาชิกสหภาพแรงงานราว 11,000 คน ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะปิดกั้นแผนงานควบรวมกิจการดังกล่าวและร้องขอให้หน่วยงานกำกับดูแลกิจการของสหรัฐปฏิเสธการดำเนินแผนงานนี้ด้วย

จนถึงขณะนี้ การซื้อขายกิจการดังกล่าวยังไม่ถือว่าได้ข้อสรุปเสร็จสิ้นเสียทีเดียว เพราะนอกจากแรงกดดันต่อต้านจากสหภาพแรงงาน USW ที่มีอยู่ทั่วโลกถึง 1.2 ล้านคนแล้ว ข้อเสนอซื้อกิจการนี้ต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบโดยคณะกรรมการการลงทุนต่างประเทศในสหรัฐอเมริกา (Committee on Foreign Investment in the United States หรือ CFIUS) ซึ่งจะใช้เวลา 45 วันในการทบทวนรายละเอียดข้อเสนอ และอีก 45 วันเพื่อทำการสืบสวนด้วย

ข้อมูลอ้างอิง