นิปปอน สตีล คอร์ป (นิปปอน สตีล) ซึ่งเป็น บริษัทผู้ผลิตเหล็ก รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น และใหญ่อันดับ 4 ของโลก เปิดเผยวานนี้ (18 ธ.ค.) ว่า จะเข้าซื้อกิจการ บริษัท ยูไนเต็ด สเตทส์ สตีล คอร์ป หรือ ยูเอส สตีล ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเหล็กรายใหญ่อันดับ 27 ของโลก ด้วยเงินสดในวงเงิน 14,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
รายงานข่าวระบุว่า นิปปอน สตีล เสนอซื้อหุ้นยูเอส สตีลในราคาหุ้นละ 55 ดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าราคา ณ ปิดตลาดเมื่อวันศุกร์ (15 ธ.ค.) ถึง 40%
ทั้งนี้ บริษัทที่เกิดขึ้นหลังการควบรวมกิจการดังกล่าวจะกลายเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่อันดับ 3 ของโลก และทำให้นิปปอน สตีลมีกำลังการผลิตเหล็กดิบทั่วโลกราว 86 ล้านตันต่อปี ซึ่งจะปูทางไปสู่เป้าหมายของบริษัทที่ตั้งไว้ 100 ล้านตันต่อปี
ภายในวันเดียวกันนั้น ข่าวดีลการเทคโอเวอร์โดยยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตเหล็กจากญี่ปุ่นทำให้ราคาหุ้นของบริษัท ยูไนเต็ด สเตทส์ สตีล คอร์ป (ยูเอส สตีล) ซึ่งปัจจุบันเป็นบริษัทผลิตเหล็กรายใหญ่อันดับ 27 ของโลกและมีอายุการก่อตั้งมายาวนาน 122 ปี สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองพิทส์เบิร์ก ศูนย์กลางอุตสาหกรรมเหล็กของสหรัฐ พุ่งขึ้นทันทีในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีท
โดย ณ เวลา 22.51 น. (ของวันจันทร์ที่ 18 ธ.ค.) ตามเวลาไทย ราคาหุ้นยูเอส สตีลพุ่งขึ้น 26.52% สู่ระดับหุ้นละ 49.76 ดอลลาร์
นิปปอน สตีลคาดว่า จะสามารถปิดข้อตกลงดังกล่าวในช่วงไตรมาส 2 หรือ 3 ของปี 2567 โดยขึ้นอยู่กับการอนุมัติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นของยูเอส สตีล และการอนุมัติจากหน่วยงานควบคุมกฎระเบียบในสหรัฐอเมริกา
นาย เออิจิ ฮาชิโมโตะ ประธานบริษัท นิปปอน สตีล กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “เราตั้งหน้าตั้งตารอที่จะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดกับทีมของยูเอส สตีล เพื่อนำส่วนที่ดีที่สุดของบริษัทของเรามาผนวกกันและก้าวไปข้างหน้าในฐานะผู้ผลิตเหล็กที่ดีที่สุด ด้วยสมรรถนะในระดับชั้นนำของโลก”
ขณะที่นายเดวิด บี เบอร์ริตต์ ซีอีโอของ ยูเอส สตีล กล่าวว่า “นิปปอน สตีล มีประวัติการเข้าซื้อ ดำเนินกิจการ และทำการลงทุนในโรงงานผลิตเหล็กทั่วโลกในระดับที่เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง และเราก็มั่นใจว่า การควบรวมกิจการครั้งนี้จะเป็นผลดีที่สุดต่อทุกฝ่าย”
สำนักข่าววีโอเอ สื่อใหญ่ของสหรัฐรายงานว่า ภายใต้ข้อตกลงซื้อกิจการนี้ นิปปอน สตีล จะไม่แตะต้องสัญญาและข้อตกลงต่าง ๆ ที่บริษัทยูเอส สตีล ทำไว้กับสหภาพแรงงานของตน รวมทั้งจะไม่เปลี่ยนชื่อบริษัท และจะคงที่ทำการใหญ่ของธุรกิจไว้ที่เมืองพิตส์เบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ต่อไปด้วย
ถึงกระนั้น สหภาพแรงงาน United Steelwork หรือ USW ก็ยังมีท่าทีต่อต้านการตกลงซื้อขายกิจการครั้งนี้อยู่ดี โดยสมาชิกสหภาพแรงงานราว 11,000 คน ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่า จะปิดกั้นแผนงานควบรวมกิจการดังกล่าวและร้องขอให้หน่วยงานกำกับดูแลกิจการของสหรัฐปฏิเสธการดำเนินแผนงานนี้ด้วย
จนถึงขณะนี้ การซื้อขายกิจการดังกล่าวยังไม่ถือว่าได้ข้อสรุปเสร็จสิ้นเสียทีเดียว เพราะนอกจากแรงกดดันต่อต้านจากสหภาพแรงงาน USW ที่มีอยู่ทั่วโลกถึง 1.2 ล้านคนแล้ว ข้อเสนอซื้อกิจการนี้ต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบโดยคณะกรรมการการลงทุนต่างประเทศในสหรัฐอเมริกา (Committee on Foreign Investment in the United States หรือ CFIUS) ซึ่งจะใช้เวลา 45 วันในการทบทวนรายละเอียดข้อเสนอ และอีก 45 วันเพื่อทำการสืบสวนด้วย
ข้อมูลอ้างอิง