กต.ออกแถลงการณ์ เรียกร้อง “อิสราเอล-ฮามาส” เจรจาหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม

06 มี.ค. 2567 | 05:37 น.
อัปเดตล่าสุด :06 มี.ค. 2567 | 05:55 น.

กระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์แสดงความห่วงกังวลของประเทศไทยต่อสถานการณ์ในอิสราเอล – กาซา เรียกร้อง เร่งกระบวนการเจรจาหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม

วันนี้ (6มี.ค.67) กระทรวงการต่างประเทศ(กต.)ของไทย ได้ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ mfa.go.th แสดงความห่วงกังวลของประเทศไทยต่อสถานการณ์ในอิสราเอล – กาซา พร้อมกับเรียกร้องให้ทุกฝ่ายพยายามอย่างถึงที่สุดในการเร่งกระบวนการเจรจาหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรม

โดยรายละเอียดของแถลงการณ์ระบุว่า ประเทศไทยติดตามสถานการณ์ในอิสราเอล – กาซา รวมถึงการโจมตีเมืองราฟาห์ และเหตุการณ์ในพื้นที่ทางตอนเหนือของอิสราเอลเมื่อไม่นานนี้ ซึ่งส่งผลให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตและมีแรงงานไทยที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 5 คน ด้วยความห่วงกังวล

เหตุการณ์เหล่านี้ตอกย้ำให้ตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการบรรลุข้อตกลงที่จะนำไปสู่การยุติความเป็นปรปักษ์ในทันที และความจำเป็นที่ต้องบรรลุสันติภาพบนพื้นฐานของแนวทางสองรัฐอย่างยั่งยืน

ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญนี้ ประเทศไทยมีความห่วงกังวลอย่างมากต่อการเจรจาหยุดยิงระหว่างอิสราเอลกับฮามาสที่หยุดชะงักลง จึงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ในการผลักดันให้การเจรจาเดินหน้าและให้การหยุดยิงเพื่อมนุษยธรรมประสบผลสำเร็จ เพื่อให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมสามารถเข้าไปบรรเทาความทุกข์ยากของชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซาได้มากขึ้น

ทั้งนี้ ประเทศไทยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการหยุดยิงจะสามารถเกิดขึ้นได้ก่อนเดือนรอมฎอนอันศักดิ์สิทธิ์ และจะนำไปสู่การปล่อยตัวประกันทั้งหมด ซึ่งรวมถึงตัวประกันชาวไทยด้วย

ฮามาสยันจะไม่แลกเปลี่ยนตัวประกันจนกว่าอิสราเอลจะมีการหยุดยิง

สำหรับความเคลื่อนไหวล่าสุดสำหรับสถานการณ์สู้รบระหว่างอิสราเอลกับฮามาส หนังสือพิมพ์ Straits Times รายงานล่าสุด ว่านาย Osama Hamdan เจ้าหน้าที่อาวุโสของกลุ่มฮามาส จัดงานแถลงข่าวที่กรุงเบรุต เลบานอน เน้นย้ำเงื่อนไขของกลุ่มฮามาสสำหรับข้อตกลงแลกเปลี่ยนนักโทษชาวปาเลสไตน์กับตัวประกันชาวอิสราเอลว่า อิสราเอลจะต้องยุติการโจมตีทางทหารและถอนกำลังออกจากฉนวนกาซา รวมถึงนำชาวปาเลสไตน์ที่พลัดถิ่นกลับสู่ภูมิลำเนา

นอกจากนี้ นาย Hamdan ยังให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า การที่สหรัฐฯ ยุติการจัดหาอาวุธให้อิสราเอลฝความสำคัญมากกว่าการส่งความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม

 

ที่มาแถลงการณ์ : กระทรวงการต่างประเทศ