กระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกา แถลงเมื่อวันศุกร์ (19 เม.ย.) ว่าได้สั่งปรับ บริษัท เอสซีจี พลาสติกส์ (SCG Plastics) ซึ่งเป็นผู้ผลิตพลาสติกสัญชาติไทย เป็นเงิน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 736 ล้านบาท ฐานละเมิด มาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ของสหรัฐ ซึ่งทางฝ่ายเอสซีจี พลาสติกส์ ยินยอมจ่ายค่าปรับตามที่สหรัฐเรียกร้อง เพื่อยุติการดำเนินคดีฐานละเมิดมาตรการคว่ำบาตรรวมทั้งสิ้น 467 ครั้ง
เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า เอสซีจี พลาสติกส์ ยอมจ่ายค่าปรับเพื่อยุติการดำเนินคดีด้วยข้อกล่าวหาที่ว่า บริษัทละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านด้วยการใช้ระบบการเงินของสหรัฐทำเงินหลายร้อยล้านดอลลาร์จากผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในอิหร่าน
ความเคลื่อนไหวนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความพยายามของสหรัฐที่ต้องการจะเล่นงานอิหร่านด้วยมาตรการทางการเงินและมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม ขณะเดียวกันก็พยายามไล่จัดการกับบริษัทที่ละเมิดมาตรการคว่ำบาตร ท่ามกลางบรรยากาศการเผชิญหน้าที่ภูมิรัฐศาสตร์ที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะเมื่อเกิดความตึงเครียดทางทหารเพิ่มขึ้นระหว่างอิหร่านกับอิสราเอล ซึ่งมีการโจมตีตอบโต้กันไปมาในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้
ล่าสุดเมื่อวันพฤหัสฯ (18 เม.ย.) รัฐบาลสหรัฐเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านระลอกใหม่และยังกดดันอิหร่านเพิ่มเติมด้วยมาตรการควบคุมการส่งออก เพื่อตอบโต้การที่อิหร่านเปิดปฏิบัติการโจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีการใช้โดรนและขีปนาวุธมากกว่า 300 ลูก แต่ฝ่ายอิสราเอลอ้างว่า 99% ของโดรนและขีปานาวุธดังกล่าวถูกสกัดไว้ได้ ด้วยระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศของอิสราเอลและชาติพันธมิตร
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์อ้างอิงคำแถลงของกระทรวงการคลังสหรัฐที่ระบุว่า เอสซีจี พลาสติกส์ มีการส่งออกพลาสติก High-Density Polyethylene หรือ HDPE แต่ปกปิดต้นทางว่ามาจากอิหร่าน ส่งผลให้สถาบันการเงินของสหรัฐรับทำธุรกรรมการเงินรวมทั้งสิ้น 291 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้กับบริษัทในช่วงปี 2017 และ 2018 โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์
“เอสซีจี พลาสติกส์ ปกปิดข้อเท็จจริงเป็นเวลานานต่อเนื่องหลายปีว่า พลาสติก HDPE ที่ถูกจำหน่ายนั้นมีต้นทางมาจากอิหร่าน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเจตนาในการที่จะหลบเลี่ยงการตรวจสอบของสถาบันการเงินที่รับทำธุรกรรม และหลีกเลี่ยงมาตรการที่สถาบันการเงินเหล่านั้นคาดว่า จะกระทำเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายของสหรัฐฯ”
แถลงการณ์กระทรวงการคลังสหรัฐยังระบุด้วยว่า จากผลของการทำธุรกรรมเหล่านี้ ทำให้มีผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจจำนวนมากถูกส่งไปถึงอุตสาหกรรมปิโตรเคมีของอิหร่าน ซึ่งเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของอิหร่าน
รายงานข่าวของเดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ระบุว่า เอสซีจี พลาสติกส์ เป็นส่วนหนึ่งของบริษัทแม่ เอสซีจี เคมิคอลส์ ในกรุงเทพ แต่ปัจจุบันเอสซีจี พลาสติกส์ ไม่ได้ดำเนินกิจการแล้วหลังจากที่บริษัทได้ขายทรัพย์สินรวมทั้งโอนหนี้สินทั้งหมดให้กับบริษัทไทยโพลเอททีลีน ซึ่งเป็นอีกบริษัทในเครือในเดือนมกราคม 2022 ปัจจุบัน ไทยโพลเอททีลีน ก็ได้ทำข้อตกลงกับกระทรวงการคลังสหรัฐ ว่าจะปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐอย่างเคร่งครัดเป็นเวลา 5 ปี
ข่าวระบุว่า เดอะ วอลล์ สตรีท เจอร์นัล ได้ติดต่อไปยังเอสซีจี เคมิคอลส์ เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบจากบริษัท
ข้อมูลอ้างอิง