ส่องอุตสาหกรรม ‘หนังอินเดีย’ พลิกเกมเศรษฐกิจ

07 ก.ย. 2567 | 02:00 น.

หนังอินเดียไม่เพียงมอบความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังส่งเสริม GDP อินเดียด้วย อุตสาหกรรมบันเทิงอินเดียช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจเติบโต 1-2% ต่อปี โดยไม่ใช่แค่ "บอลลีวูด" เท่านั้น แต่ยังมีประเภทอื่น ๆ ที่สร้างรายได้และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ

ส่องอุตสาหกรรม ‘หนังอินเดีย’ พลิกเกมเศรษฐกิจ อินเดีย หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม BRICS ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศเศรษฐกิจที่กำลังพัฒนา ประชากรกว่า 60% ของประเทศประกอบอาชีพเกษตรกรรม ในปี 2023 เศรษฐกิจอินเดียเติบโตถึง 7.2% ทำให้อินเดียกลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของโลก ตามการคาดการณ์ของ S&P Global Ratings ภายในปี 2030 อินเดียจะก้าวขึ้นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐอเมริกาและจีน

 

อุตสาหกรรมบันเทิงเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจอินเดีย โดย PwC คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมสื่อและความบันเทิงของอินเดียจะมีมูลค่าถึง 55,000 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 2 ล้านล้านบาท ภายในปี 2567 ซึ่งรายได้ของอุตสาหกรรมอินเดียครอบคลุมหลายด้าน เช่น เพลง, ลิขสิทธิ์, การขายตั๋ว และสินค้าที่เกี่ยวข้อง

อุตสาหกรรมบันเทิงอินเดีย

อินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความหลากหลายมากที่สุดในโลก ด้วยประชากรกว่า 1,400 ล้านคน มีชาติพันธุ์ย่อยกว่า 700 ชาติพันธุ์ และภาษาหลักกว่า 20 ภาษา ความหลากหลายนี้สะท้อนในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของแต่ละภูมิภาค ซึ่งมีสไตล์และเรื่องราวที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ฺBollywood

Bollywood (บอลลีวูด) ภาพยนตร์ที่ใช้ภาษาฮินดีและผลิตในเมืองมุมไบ สามารถสร้างยอดขายตั๋วทั่วโลกได้กว่า 3,600 ล้านใบต่อปี ซึ่งสูงกว่ายอดขายตั๋วของฮอลลีวูดถึง 9 เท่า คิดเป็นมูลค่ากว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 0.1-0.5% ของ GDP ของอินเดีย

 

สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของหนังบอลลีวูดคือความยาวที่มากกว่า 3 ชั่วโมง และยังมีการหยุดพักครึ่งระหว่างการฉายเพื่อให้ผู้ชมได้ผ่อนคลายก่อนกลับมาสู่ความบันเทิงต่อเนื่อง

Tolly wood

Tollywood (ทอลลีวูด) เป็นอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ใช้ภาษาเตลูกู โดยตั้งอยู่ในเมืองไฮเดอราบัด ซึ่งเป็นที่ตั้งของสตูดิโอภาพยนตร์ขนาดใหญ่หลายแห่งในอินเดีย Tollywood ผลิตภาพยนตร์ได้ถึง 275 เรื่องต่อปี ในปี 2023 รายได้จากบ็อกซ์ออฟฟิศของ Tollywood เติบโตอย่างมากจากภาพยนตร์บล็อกบัสเตอร์หลายเรื่อง โดยบางเรื่องทำรายได้ทะลุหลักพันล้านรูปี

RRR

หนึ่งในนั้นคือ "RRR" (อาร์อาร์อาร์) แม้จะออกฉายในปี 2022 แต่ "RRR" ยังคงเป็นที่นิยมและสร้างกระแสในปี 2023 โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เพลง "Naatu Naatu" (นาทูนาทู) คว้ารางวัลออสการ์ ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

Kollywood (กอลลีวูด) ใช้ ภาษาทมิฬ จากเมืองเชนไน รัฐทมิฬนาฑู มีผลิตภาพยนตร์จำนวนมากทุกปี อย่างเมื่อต้นปีที่ผ่านมาภาพยนตร์ Captain Miller กวาดรายได้ไปกว่า 1,000 ล้านบาท Kollywood มีฐานแฟนคลับที่แข็งแกร่ง มีนักแสดงจากอุตสาหกรรมนี้ ได้แก่ Superstar ของวงการหนังทมิฬ เช่น Rajinikanth (รชินิกานต์) และ Kamal Haasan (กามาล ฮาซัน) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก

Rajinikanth (รชินิกานต์) Kamal Haasan (กามาล ฮาซัน)

Mollywood (มอลลีวูด) ใช้ภาษามาลายาลัม อุตสาหกรรมภาพยนตร์ของรัฐเกรละ มีภาพยนตร์หลายเรื่องที่ทำรายได้สูง เช่น ภาพยนตร์กระตุกขวัญแอคชั่นเรื่อง "2018" ที่ได้รับความนิยมและทำรายได้เกิน 400 ล้านบาท

Sandalwood (แซนดัล) จากรัฐกรณาฏกะ รัฐทางใต้ของอินเดีย ซึ่งผลิตภาพยนตร์ใน ภาษากันนาดา  เน้นทำตลาดภายในรัฐอาจจะได้รับความนิยมน้อยกว่าหนังภาษาฮินดี แซนดัลเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่เก่าแก่และมีความสำคัญในอินเดีย มีการผสมผสานเนื้อหาที่หลากหลาย ตั้งแต่แอ็คชั่น ดราม่า จนถึงเรื่องราวที่เน้นวัฒนธรรมและประเพณี

 

ความคึกคักของอุตสาหกรรมภาพยนตร์อินเดียไม่ได้เพียงสร้างความบันเทิง แต่ยังคาดว่าจะสร้างงานได้กว่า 27,000 ตำแหน่งต่อปี ครอบคลุมตั้งแต่การผลิต การตลาด ไปจนถึงงานด้านศิลปะและเทคนิค แม้ในช่วงที่โควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก แต่อุตสาหกรรมภาพยนตร์อินเดียกลับเติบโตสวนกระแสอย่างน่าทึ่ง

 

แม้ในเมืองใหญ่อย่างมุมไบ ซึ่งมีค่าครองชีพสูง ราคาตั๋วภาพยนตร์ยังคงเป็นมิตร เพียง 75 รูปี หรือประมาณ 30 บาทไทย และเรามักจะเห็นคลิปไวรัลที่สะท้อนถึงความเอนจอยของคนอินเดียในการดูหนัง นอกจากนี้ การลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมภาพยนตร์อินเดียยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการเปิดเสรีการลงทุนอัตโนมัติของ FDI ในภาคโทรคมนาคม ทีวีมือถือ และบริการสตรีมมิ่ง ที่เพิ่มขึ้นจาก 49% เป็น 100% ภายใต้นโยบายของรัฐบาลอินเดีย

ส่องอุตสาหกรรม ‘หนังอินเดีย’ พลิกเกมเศรษฐกิจ

รายได้จากการให้บริการเนื้อหา Over the Top (OTT) ของอินเดียก็มีความโดดเด่นไม่แพ้กัน ในปี 2023 ตลาด OTT ของอินเดียมีมูลค่าสูงถึง 105,000 ล้านรูปี กรือกว่า 42,608 ล้านบาท และคาดว่าในอีก 7 ปีข้างหน้า มูลค่าจะพุ่งขึ้นไปเกิน 300,000 ล้านรูปี หรือกว่า 121,738 ล้านบาท ปัจจัยหลักมาจากพฤติกรรมการใช้มือถือของชาวอินเดียที่สูงมาก โดยรับชมเนื้อหาความบันเทิงผ่านมือถือเฉลี่ยวันละ 70 นาที

 

จากข้อมูลของสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองมุมไบ ในไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา มีชาวอินเดียสมัครใช้บริการ OTT ในทุกแพลตฟอร์ม เช่น Netflix, Disney+, และ Prime Video ราว 130 ล้านคน ขณะที่ยอดผู้ชมในโรงภาพยนตร์ก็มีมากกว่า 122 ล้านคน สะท้อนถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมภาพยนตร์อินเดียและพฤติกรรมของชาวอินเดียที่หลงใหลในความบันเทิงอย่างชัดเจน

 

อาจจะเป็นหนึ่งโอกาสของไทยหรือไม่ ที่หนังไทยจะสามารถตีตลาดอินเดียได้ เนื่องจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในอินเดียมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและภาษามาก ทำให้ผู้ชมเปิดรับภาพยนตร์จากต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับวัฒนธรรมที่คล้ายคลึงหรือมีความเชื่อมโยงกัน 

 

การร่วมผลิตภาพยนตร์หรือการใช้แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่เข้าถึงผู้ชมอินเดียเป็นกลยุทธ์ที่สามารถช่วยขยายตลาดได้ นอกจากนี้ การมีดาราหรือผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในวงการหนังอินเดียมาร่วมงาน อาจช่วยดึงดูดความสนใจจากผู้ชมในอินเดียได้มากขึ้น เรื่องนี้อาจจะต้องส่งเสียงดังๆ ไปถึงรัฐบาลในการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ของไทย เพื่อพาภาพยนตร์ไทยไปให้ไกลกว่าเดิม