การที่อิสราเอลโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ผ่านเพจเจอร์เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่เลวร้ายซึ่งผลักดันให้ตะวันออกกลางเข้าสู่สงครามระดับภูมิภาคเต็มรูปแบบ มีการคาดการณ์ว่าอาจทำให้ฮิซบอลเลาะห์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตอบโต้โดยได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากแกนต่อต้านที่นำโดยอิหร่าน
นายฮัสซัน นาสรัลเลาะห์ ผู้นำของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ออกแถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์เป็นครั้งแรกหลังเกิดเหตุเพจเจอร์, วอล์กกี้ทอล์กี้ และอุปกรณ์สื่อสารอื่นๆ ระเบิด 2 ระลอก ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา โดยประณามอิสราเอลว่า อยู่เบื้องหลังการโจมตีทั้ง 2 ระลอก ซึ่งมีเป้าหมายไปที่เพจเจอร์กว่า 4,000 เครื่อง และว่าอิสราเอลไม่สนใจชีวิตของผู้บริสุทธิ์และชีวิตของเด็กๆ พร้อมยอมรับว่า ผู้เคราะห์ร้ายบางรายยังไม่ถูกรวมเข้าไปในรายชื่อผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ
ผู้นำฮิซบอลเลาะห์กล่าวด้วยว่า การโจมตีที่เกิดขึ้นเป็นการ “ล้ำเส้นแดง” อุปกรณ์ระเบิดในที่สาธารณะ ทำร้ายประชาชนรวมถึงสมาชิกของฮิซบอลเลาะห์ถึงแม้ต้องการมุ่งเป้าที่สมาชิกและนักรบของฮิซบอลเลาะห์
ความซับซ้อนและผลกระทบจากการกำหนดเป้าหมายด้วยเพจเจอร์นั้นไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 11 รายรวมถึงนักรบของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์บางส่วน และ มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากถึง 3,000 ราย จุดมุ่งหมายหลักของการโจมตีครั้งนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯระบุว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล ก็เพื่อทำลายระบบสื่อสารของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ และระบบสั่งการและควบคุมในเลบานอน
นับตั้งแต่ฮิซบอลลเลาะห์ได้ลดการใช้โทรศัพท์มือถือโดยกองกำลังของตนลง เนื่องจากอิสราเอลสามารถตรวจจับและกำหนดเป้าหมายพวกเขาได้อย่างง่ายดาย เพจเจอร์จึงกลายมาเป็นอุปกรณ์ส่งข้อความที่กลุ่มนิยมใช้เพิ่มมากขึ้น
การโจมตีครั้งนี้อาจได้รับการออกแบบมาเพื่อก่อให้เกิดความตื่นตระหนกภายในกลุ่มและในหมู่ประชาชนชาวเลบานอน ซึ่งหลายคนไม่สนับสนุนกลุ่มฮิซบอลเลาะห์เนื่องมาจากความแบ่งแยกทางการเมืองในประเทศ
นับตั้งแต่การโจมตีของกลุ่มฮามาสในภาคใต้ของอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม ผู้นำอิสราเอลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ได้กล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าตั้งใจจะกำจัดภัยคุกคามจากกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ซึ่งปฏิบัติการเพื่อแสดงความสามัคคีกับกลุ่มฮามาส
ไม่กี่ชั่วโมงก่อนการโจมตีด้วยเพจเจอร์ รัฐบาลของเนทันยาฮูชี้แจงว่าเป้าหมายสงครามของอิสราเอลจะขยายไปถึงการที่ประชาชนหลายหมื่นคนต้องกลับบ้านในภาคเหนือของอิสราเอล ซึ่งพวกเขาต้องหนีออกมาเนื่องจากถูกยิงจรวดจากกลุ่มฮิซบอลเลาะห์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งวิธีเดียวที่จะทำได้คือใช้ปฏิบัติการทางทหาร
การระเบิดของเพจเจอร์พร้อมกันในวันอังคารอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการบุกโจมตีกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ของอิสราเอล
ผลที่ตามมาของสงครามกับฮิซบอลเลาะห์
ฮิซบอลเลาะห์ประกาศแล้วว่าจะตอบโต้ โดยรูปแบบการตอบโต้จะเป็นเช่นไรนั้นยังต้องดูกันต่อไป กลุ่มนี้มีศักยภาพทางทหารมหาศาลที่ไม่เพียงแต่โจมตีอิสราเอลทางตอนเหนือด้วยโดรนและขีปนาวุธเท่านั้น แต่ยังโจมตีส่วนอื่นๆ ของรัฐอิสราเอลด้วย รวมถึงเมืองที่มีประชากรหนาแน่น เช่น เทลอาวีฟ
ฮิซบอลเลาะห์แสดงให้เห็นถึงศักยภาพนี้ในสงครามกับอิสราเอลเมื่อปี 2549 สงครามกินเวลานาน 34 วัน มีชาวอิสราเอลเสียชีวิต 165 ราย (ทหาร IDF 121 นาย และพลเรือน 44 ราย) และเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของอิสราเอลได้รับความเสียหายอย่างมาก ฮิซบอลเลาะห์และเลบานอนสูญเสียชีวิตมากกว่ามาก โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,100 ราย อย่างไรก็ตาม กองกำลังป้องกันอิสราเอล (IDF) ไม่สามารถทำลายหรือทำให้กลุ่มนี้ไร้ความสามารถได้
การโจมตีตอบโต้ที่ประสบความสำเร็จในเมืองต่างๆ ของอิสราเอลอาจส่งผลให้เกิดการสูญเสียพลเรือนจำนวนมาก ซึ่งเป็นการเปิดทางให้อิสราเอลได้ใช้เป้าหมายที่ยึดถือกันมานานในการทำลายกลุ่มฮิซบัลเลาะห์และลงโทษผู้สนับสนุนหลักอย่างสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน
ในความขัดแย้งที่กว้างขึ้น สหรัฐฯ มุ่งมั่นที่จะปกป้องอิสราเอล ในขณะที่อิหร่านจะสนับสนุนกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในทุกวิถีทางที่จำเป็น หากผู้นำอิสราเอลและสหรัฐฯ คิดว่าอิหร่านจะยังคงหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ ที่อาจผลักดันให้อิหร่านเข้าสู่สงครามกับอิสราเอลและสหรัฐฯ พวกเขาอาจคิดผิด
ฮิซบอลเลาะห์เป็นแกนหลักในแนวคิดด้านความมั่นคงแห่งชาติและระดับภูมิภาคของรัฐบาล อิหร่านได้ลงทุนอย่างหนักในกลุ่มนี้ รวมถึงกลุ่มพันธมิตรในภูมิภาคอื่นๆ เช่น กองกำลังติดอาวุธอิรัก กลุ่มฮูตีในเยเมน และรัฐบาลซีเรียของบาชาร์ อัล-อัสซาด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เป้าหมายของแกนต่อต้าน นี้คือการสร้างแนวป้องกันที่แข็งแกร่งต่ออิสราเอลและสหรัฐ
นับตั้งแต่ก่อตั้งเมื่อ 45 ปีก่อน ระบอบการปกครองของอิหร่านมองว่าอิสราเอลและผู้สนับสนุนหลักอย่างสหรัฐฯ เป็นภัยคุกคามต่อการดำรงอยู่ เช่นเดียวกับที่อิสราเอลมองอิหร่านในลักษณะเดียวกัน ด้วยเหตุนี้ ระบอบการปกครองจึงปรับทิศทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยหันไปให้ความสำคัญกับศัตรูหลักของสหรัฐฯ โดยเฉพาะรัสเซียและจีนความร่วมมือทางทหารระหว่างรัสเซียและอิหร่านมีความแข็งแกร่งมากขึ้น จนทำให้มอสโกว์แทบไม่ลังเลที่จะสนับสนุนอิหร่านและพันธมิตรในสงครามใดๆ
อิหร่านตระหนักดีถึงศักยภาพด้านนิวเคลียร์ของอิสราเอล เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว อิหร่านจึงได้พัฒนาโครงการนิวเคลียร์จนถึงระดับที่สามารถพัฒนาอาวุธได้ ผู้นำอิหร่านอาจได้รับคำมั่นสัญญาจากรัสเซียว่าจะช่วยปกป้องอิหร่านหากอิสราเอลหันไปใช้อาวุธนิวเคลียร์