ราคาน้ำมันในตลาดโลกกำลังเผชิญกับการปรับตัวลดลงอย่างชัดเจนในช่วงปลายสัปดาห์นี้ โดยราคาน้ำมันเบรนท์ (Brent Crude) ลดลง 65 เซนต์ หรือลดลง 0.9% มาอยู่ที่ 71.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบสหรัฐฯ (WTI) ลดลง 62 เซนต์ หรือลดลง 0.9% อยู่ที่ 68.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ณ วันศุกร์ที่ 15 พฤศจิกายน
รอยเตอร์สรายงานว่า การลดลงของราคาน้ำมันในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีสัญญาณจากตลาดจีน ซึ่งเป็นผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกที่ยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนที่ล่าช้าและไม่สมดุลเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ความต้องการน้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่อง
การคาดการณ์ในตลาดน้ำมันยังคงยืนยันว่าในช่วงสัปดาห์นี้ น้ำมันเบรนท์จะลดลง 2.7% และ WTI จะลดลง 3.3% ซึ่งสะท้อนถึงการขาดแรงขับเคลื่อนในเชิงบวกที่ชัดเจนสำหรับการฟื้นตัวของราคาน้ำมันในระยะสั้น
ปัญหาความต้องการในจีนยังคงเป็นข้อกังวลใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการกลั่นน้ำมันที่ลดลงอย่างต่อเนื่องในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลจากสถาบันสถิติแห่งชาติของจีน (National Bureau of Statistics) ระบุว่า การกลั่นน้ำมันลดลง 4.6% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7
การผลิตน้ำมันในจีนยังคงเผชิญปัญหาในการฟื้นตัว เนื่องจากการปิดโรงงานและการลดอัตราการทำงานของโรงกลั่นน้ำมันขนาดเล็ก ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงการฟื้นตัวที่ช้าและไม่เสถียรของเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ การคาดการณ์จากหน่วยงานด้านพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ยังระบุว่า อุปทานน้ำมันโลกในปีหน้าจะเกินความต้องการ แม้จะมีการปรับลดการผลิตจาก OPEC+ ซึ่งรวมถึงกลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันในองค์กร OPEC และพันธมิตรเช่น รัสเซีย เมื่อเทียบกับการคาดการณ์ในปี 2567 หน่วยงาน IEA ปรับเพิ่มการคาดการณ์การเติบโตของความต้องการน้ำมันขึ้น 60,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 920,000 บาร์เรลต่อวัน แต่ก็ยังคงมีมุมมองที่ระมัดระวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของตลาดน้ำมัน
ในขณะที่ OPEC ลดการคาดการณ์การเติบโตของความต้องการน้ำมันในปีนี้และปี 2568 ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความอ่อนแอทางเศรษฐกิจในจีน อินเดีย และภูมิภาคอื่นๆ ในทางกลับกัน ข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานของสหรัฐฯ (EIA) ระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมามีการเพิ่มขึ้นถึง 2.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 750,000 บาร์เรล ขณะเดียวกันสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 4.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งต่ำสุดตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565