เมื่อเช้าวันที่ 7 มกราคม เวลา 09.05 น. ตามเวลาท้องถิ่น เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6.8 แมกนิจูด (ตามข้อมูลจากศูนย์เครือข่ายแผ่นดินไหวแห่งประเทศจีน) ณ บริเวณเชิงเขาหิมาลัยด้านเหนือ ใกล้กับเมืองศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งในทิเบต ขณะที่สำนักธรณีวิทยาสหรัฐฯ ระบุขนาดแผ่นดินไหวไว้ที่ 7.1 แมกนิจูด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก โดยยอดจำนวนผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ 95 ราย และบาดเจ็บอีก 130 ราย
แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวครั้งนี้รู้สึกได้ในประเทศเนปาล ภูฏาน และรัฐทางตอนเหนือของอินเดีย อย่างไรก็ตาม พื้นที่ดังกล่าวยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่ในเนปาลยืนยันว่าแรงสั่นสะเทือนส่งผลต่อ 7 อำเภอที่อยู่ติดกับพรมแดนทิเบต โดยเจ้าหน้าที่ได้ส่งกำลังตำรวจและหน่วยรักษาความปลอดภัยไปยังพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบเพื่อเก็บข้อมูลเพิ่มเติม
พื้นที่ศูนย์กลางแผ่นดินไหวในอำเภอถิงรีซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 4,000-5,000 เมตร มีบ้านเรือนกว่า 1,000 หลังได้รับความเสียหาย หมู่บ้าน 27 แห่งที่อยู่ในรัศมี 20 กิโลเมตรจากศูนย์กลางแผ่นดินไหวได้รับผลกระทบอย่างหนัก เมืองลาซาและเขตชิกัตเซ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีประชากรกว่า 800,000 คนในภูมิภาคทิเบต ก็ได้รับแรงสั่นสะเทือนจนเกิดความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือน
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนได้สั่งการให้ดำเนินการค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ พร้อมจัดสรรสิ่งของจำเป็น เช่น เต็นท์ ผ้าห่ม และเตียงพับกว่า 22,000 รายการไปยังพื้นที่ประสบภัย ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและหน่วยกู้ภัยกว่า 1,500 นายก็ถูกส่งไปยังพื้นที่ทันที
ในขณะที่เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความเสียหายในจีน ประเทศเนปาลซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 400 กิโลเมตรก็ได้รับแรงสั่นสะเทือน โดยชาวเมืองกาฐมาณฑุต่างวิ่งออกจากอาคารด้วยความตื่นตระหนก เจ้าหน้าที่ตำรวจเนปาลรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 คนในกาฐมาณฑุจากการกระโดดลงจากอาคารเพราะความกลัว
เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ยังทำให้เกิดความทรงจำถึงแผ่นดินไหวขนาด 7.8 แมกนิจูดที่เนปาลในปี 2015 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนกว่า 9,000 ราย ในครั้งนั้น แรงสั่นสะเทือนยังส่งผลให้เกิดหิมะถล่มที่ฐานปีนเขาเอเวอเรสต์ มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย
ในทิเบตเอง แรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้ตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อกหลายครั้ง โดยรุนแรงที่สุดมีขนาด 4.4 แมกนิจูด วิดีโอที่เผยแพร่บนโซเชียลมีเดียแสดงภาพหน้าร้านค้าที่พังทลายและเศษซากที่กระจัดกระจายตามถนนในเมืองลาซา
แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดจากการรอยเลื่อนในพื้นที่ที่เรียกว่าบล็อกลาซา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อแผ่นดินไหวเนื่องจากแรงอัดจากทิศเหนือ-ใต้และแรงกดจากทิศตะวันตก-ตะวันออกในภูมิภาคนี้ นักธรณีวิทยาชาวจีนระบุว่าตั้งแต่ปี 1950 พื้นที่บล็อกลาซาเคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6 แมกนิจูดขึ้นไปถึง 21 ครั้ง ซึ่งครั้งที่ใหญ่ที่สุดคือแผ่นดินไหวขนาด 6.9 ในปี 2017
ขณะนี้ จีนได้สั่งปิดภูมิภาคเอเวอเรสต์ไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปในพื้นที่และกำลังประเมินความเสียหายเพิ่มเติม ขณะที่ทีมกู้ภัยยังคงดำเนินการค้นหาและช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ผู้ประสบภัยสามารถฟื้นตัวและผ่านฤดูหนาวที่กำลังมาถึงได้อย่างปลอดภัย