ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา "กลุ่ม BRICS" ซึ่งเริ่มต้นจากประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่อย่างรัสเซีย บราซิล อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ ได้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่มีบทบาทสำคัญในเวทีโลก โดยสมาชิกและประเทศหุ้นส่วนของกลุ่ม BRICS รวมทั้งสิ้น 18 ประเทศ มีส่วนแบ่งทางเศรษฐกิจโลกถึง 41.4% เมื่อวัดในรูปแบบอำนาจซื้อ (Purchasing Power Parity - PPP) ตามข้อมูลที่เผยแพร่โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในเดือนตุลาคม 2567
BRICS เริ่มก่อตั้งในปี 2552 ด้วยเป้าหมายการสร้างสมดุลต่ออำนาจของชาติตะวันตกในเวทีระหว่างประเทศ การรวมกลุ่มนี้เน้นความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและการเมืองของประเทศกำลังพัฒนา รวมถึงการผลักดันความยุติธรรมในระเบียบโลกใหม่ ในปัจจุบัน BRICS ได้ขยายสมาชิกอย่างเป็นทางการ 10 ประเทศ ได้แก่...
การเพิ่มสมาชิกของ BRICS ไม่เพียงสะท้อนถึงความสำเร็จของกลุ่มในการสร้างความร่วมมือระดับภูมิภาค แต่ยังแสดงถึงการเปลี่ยนแปลงในสมดุลอำนาจโลก ด้วยประชากรรวมกว่า 4 พันล้านคน (เกือบครึ่งหนึ่งของโลก) และส่วนแบ่งทางเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาล กลายเป็นตัวแปรสำคัญในระเบียบโลกใหม่
ประเทศใหม่ เช่น ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ช่วยเพิ่มบทบาทด้านพลังงาน ขณะที่อินโดนีเซียและเอธิโอเปียเสริมเสียงจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา
หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของ BRICS คือการสร้างระเบียบโลกที่สมดุลมากขึ้น กลุ่มนี้พยายามลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ และสนับสนุนการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในธุรกรรมระหว่างประเทศ นอกจากนี้ การขยายตัวของ BRICS ยังช่วยเพิ่มเสียงให้ประเทศกำลังพัฒนาในเวทีโลก เช่น การปฏิรูปสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN Security Council)
การที่ "อินโดนีเซีย" เข้าร่วมกลุ่มในฐานะสมาชิกจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ประเทศแรก สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในบทบาทของภูมิภาคนี้ในเวทีโลก ไทยซึ่งแสดงความจำนงที่จะเข้าร่วม BRICS อาจเป็นสมาชิกต่อไปที่ช่วยยกระดับบทบาทของอาเซียน
การเติบโตของ BRICS มาพร้อมกับความคาดหวังใหม่และอุปสรรคที่ต้องแก้ไข
แม้จะมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ BRICS เผชิญกับความขัดแย้งภายใน เช่น ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างจีนและอินเดียจากข้อพิพาทชายแดน รวมถึงท่าทีที่แตกต่างกันต่อสงครามในยูเครน รัสเซียในฐานะประธานหมุนเวียนของ BRICS ในปี 2567 พยายามผลักดันกลุ่มในทิศทางที่ต่อต้านตะวันตก แต่ประเทศอื่น เช่น บราซิลและอินเดีย มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับชาติตะวันตกมากกว่า
นอกจากนี้ การรับสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นอาจทำให้การตัดสินใจของกลุ่มซับซ้อนขึ้น เนื่องจากสมาชิกแต่ละประเทศมีความสนใจและกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน
"ประเทศไทย" แสดงเจตจำนงที่จะเข้าร่วมกลุ่ม BRICS อย่างเป็นทางการในปี 2566 โดยมีเป้าหมายที่จะยกระดับบทบาทของประเทศในเวทีนานาชาติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ การเมือง และการกำหนดนโยบายโลก
หลังจากที่ประเทศไทยยื่นความประสงค์ดังกล่าว ไทยได้รับสถานะเป็น "ประเทศหุ้นส่วน" ของ BRICS อย่างเป็นทางการในวันที่ 24 ตุลาคม 2567 ในการประชุมสุดยอด BRICS Plus ครั้งที่ 4 ที่จัดขึ้นในเมืองคาซาน ประเทศรัสเซีย สถานะนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมบทบาทของไทยในระดับโลก
การเข้าร่วม BRICS ในฐานะประเทศหุ้นส่วนเปิดโอกาสให้ไทยพัฒนาเศรษฐกิจในหลายมิติ เช่น การส่งเสริมการค้า การลงทุน การเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน และความร่วมมือด้านพลังงานสะอาด นอกจากนี้ การสนับสนุนการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในธุรกรรมระหว่างประเทศยังช่วยลดการพึ่งพาดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของกลุ่ม BRICS
อย่างไรก็ตาม ไทยยังไม่ได้รับสถานะเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบ ซึ่งต้องผ่านกระบวนการเพิ่มเติมเพื่อให้ได้รับการยอมรับในอนาคต การก้าวเข้าสู่สถานะสมาชิกเต็มตัวอาจช่วยเพิ่มความสามารถในการกำหนดทิศทางนโยบายเศรษฐกิจระดับโลก และสร้างโอกาสในการพัฒนาอุตสาหกรรมท้องถิ่นให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
ด้วยประเทศกว่า 40 ประเทศที่แสดงความสนใจเข้าร่วม BRICS ในอนาคต อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนเตือนว่า การขยายตัวอย่างรวดเร็วอาจทำให้ขาดเอกภาพและกลยุทธ์ที่ชัดเจน การสร้างสมดุลระหว่างความหลากหลายและการเป็นหนึ่งเดียวกันจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดความสำเร็จของ BRICS ในยุคที่โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
อ้างอิง: Geopoliticaleconomy , University of Toronto, Carnegieendowment, Chinadaily , Weforum, Council on Foreign Relations