thansettakij
ไทยอยู่ตรงไหน? เปิด 5 อันดับประเทศยากจนที่สุดในอาเซียน

ไทยอยู่ตรงไหน? เปิด 5 อันดับประเทศยากจนที่สุดในอาเซียน

26 มี.ค. 2568 | 04:50 น.
อัปเดตล่าสุด :26 มี.ค. 2568 | 04:51 น.

เปิดอันดับ 5 ประเทศที่ยากจนที่สุดในอาเซียนปี 2024 ตาม GDP ต่อหัว ไทยอยู่อันดับไหน? เศรษฐกิจโตแค่ไหนเมื่อเทียบกับเพื่อนบ้าน

สถานการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2567 เผยให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่ยังคงดำเนินต่อไป โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีทั้งประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงและประเทศที่ยังเผชิญความยากจนอย่างหนัก รายงานล่าสุดจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ระบุว่า มีประชากรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ราว 4.7 ล้านคนที่ตกอยู่ในภาวะยากจนขั้นรุนแรงตั้งแต่ปี 2564 สาเหตุหลักมาจากผลกระทบจากโควิด-19 ภาวะเงินเฟ้อ และความไม่แน่นอนทางการเมือง

จากการจัดอันดับโดย IMF ประเทศที่มีผลิตภัณฑ์รวมในประเทศ (GDP) ต่อหัวต่ำที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปี 2567 มีดังนี้

1. เมียนมา (GDP ต่อหัว: 1,247 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

เมียนมาเป็นประเทศที่ยากจนที่สุดในภูมิภาค โดย GDP ต่อหัวลดลงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เกิดรัฐประหารในปี 2564 รายงานของ UNDP ชี้ว่า ชนชั้นกลางของเมียนมาหดตัวลงถึง 50% ประชาชนจำนวนมากต้องลดค่าใช้จ่ายด้านการศึกษาและสาธารณสุข รวมถึงต้องกู้หนี้ยืมสินเพื่อความอยู่รอด

2. ติมอร์-เลสเต (GDP ต่อหัว: 1,453 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

ติมอร์-เลสเตยังคงเผชิญความท้าทายทางเศรษฐกิจ นับตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอินโดนีเซียในปี 2545 ปัญหาหลักคือการขาดโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอและการพึ่งพาน้ำมันเป็นแหล่งรายได้หลัก นอกจากนี้ อัตราการขาดสารอาหารในเด็กสูงถึง 47%

3. ลาว (GDP ต่อหัว: 1,976 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

ลาวได้รับผลกระทบหนักจากภาวะเงินเฟ้อในปี 2567 โดย 81% ของครัวเรือนได้รับผลกระทบ และกว่า 60% ต้องลดปริมาณอาหารที่บริโภค ส่งผลให้ปัญหาการขาดสารอาหารรุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบต่อการเติบโตของ GDP

4. กัมพูชา (GDP ต่อหัว: 2,627 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

แม้ว่ากัมพูชาเคยมีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงถึง 7.6% ต่อปีในช่วง 2538-2562 แต่ผลกระทบจากโควิด-19 และราคาสินค้าพลังงานที่เพิ่มขึ้นจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน ทำให้ GDP ต่อหัวลดลงและการว่างงานเพิ่มขึ้น

5. ฟิลิปปินส์ (GDP ต่อหัว: 4,130 ดอลลาร์สหรัฐฯ)

แม้ฟิลิปปินส์จะมีเศรษฐกิจที่เติบโตได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางรายได้ยังคงสูง โดยอัตราความยากจนอยู่ที่ 10.9% หรือคิดเป็น 2.99 ล้านครอบครัวที่ยังขาดรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีวิต

เศรษฐกิจไทยอยู่ตรงไหน?

เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในอาเซียน ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลางค่อนไปทางสูง โดยข้อมูลจาก World Bank ระบุว่า GDP ต่อหัวของไทยในปี 2566 อยู่ที่ 21,142.66 ดอลลาร์สหรัฐฯ (PPP) ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของโลกประมาณ 19%

รายงานจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NESDC) ระบุว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 เติบโต 3.2% โดยได้รับแรงหนุนจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัว 3.4% และการลงทุนภาครัฐที่เติบโตถึง 39.4% อย่างไรก็ตาม การลงทุนภาคเอกชนหดตัวลง 2.1% ส่วนหนึ่งมาจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์

ปัจจัยที่สนับสนุนเศรษฐกิจไทย ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่ง นโยบายการลงทุนที่เปิดกว้าง และความสามารถในการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายสำคัญ ได้แก่ การพึ่งพาการค้าระหว่างประเทศสูง ความไม่แน่นอนทางการเมือง และสัดส่วนแรงงานนอกระบบที่ยังคงสูง

 

ประเทศไหนรวยที่สุดในโลก?

ในระดับโลก แนวโน้มประเทศที่มี GDP ต่อหัวสูงที่สุดในปี 2568 ยังคงเป็น ลักเซมเบิร์ก โดยมี GDP ต่อหัวสูงถึง 154,910 ดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากเป็นศูนย์กลางการเงินระดับโลกและมีอุตสาหกรรมที่พัฒนาแล้ว

เมื่อพิจารณาถึงความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศในอาเซียนและระดับโลก จะเห็นได้ว่าปัจจัยทางการเมือง สังคม และทรัพยากรธรรมชาติมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยตรง ประเทศที่มีความมั่นคงทางนโยบายและการพัฒนาอย่างยั่งยืนมักจะมีแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ดีกว่า ขณะที่ประเทศที่เผชิญปัญหาความขัดแย้งภายในและระบบเศรษฐกิจที่ไม่มั่นคงจะต้องเผชิญความท้าทายต่อไปในอนาคต

แม้ว่าไทยจะไม่ได้อยู่ในกลุ่มประเทศที่ยากจนที่สุดในอาเซียน แต่การเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศยังต้องเผชิญความท้าทายสำคัญ ในขณะที่หลายประเทศเช่นเมียนมาและติมอร์-เลสเตยังต้องดิ้นรนกับปัญหาพื้นฐาน เช่น ความไม่มั่นคงทางการเมืองและการขาดโครงสร้างพื้นฐาน

 

อ้างอิง: Tempo, World Population ReviewGlobal Finance MagazineNESDC, Indian Express