สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานถึงเดินทางเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง แห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา เปิดฉากการเดินทาง 3 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเริ่มต้นที่กรุงฮานอย โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อเสริมสร้างความร่วมมือด้านการค้า โครงข่ายซัพพลายเชน และการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานระหว่างสองประเทศ ท่ามกลางแรงกดดันจากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่มีแนวโน้มขึ้นภาษีสินค้าจีนสูงถึง 145%
ในระหว่างการเยือน สี จิ้นผิง และโต เลิม ได้ร่วมลงนามในข้อตกลงความร่วมมือ 45 ฉบับ ซึ่งรวมถึงความร่วมมือด้านการผลิตและซัพพลายเชน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านรถไฟ และความร่วมมือทางเศรษฐกิจสีเขียว โดยเนื้อหาในข้อตกลงส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการเปิดเผยในรายละเอียด
ทั้งนี้ สี จิ้นผิง ได้เน้นย้ำผ่านบทความในหนังสือพิมพ์หนานดาน (Nhan Dan) ของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามว่า จีนและเวียดนามควรเร่งเสริมสร้างความร่วมมือในด้านการผลิตและซัพพลายเชนให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น รวมถึงผลักดันการค้าร่วมกันในด้านปัญญาประดิษฐ์และเศรษฐกิจพลังงานสะอาด พร้อมเน้นย้ำว่าทั้งสองประเทศควรร่วมมือต่อต้านการใช้อำนาจทางเศรษฐกิจเพื่อกดดัน และต่อต้านการดำเนินการที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของภูมิภาค
ขณะเดียวกัน เวียดนามอยู่ระหว่างการเจรจากับรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อขอลดภาษีนำเข้า ซึ่งมีแนวโน้มสูงถึง 46% โดยหนึ่งในมาตรการที่ฮานอยดำเนินการคือ การคุมเข้มกระบวนการตรวจสอบแหล่งกำเนิดสินค้า เพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าจีนอาศัยช่องทาง “Made in Vietnam” เป็นทางผ่านในการเลี่ยงภาษีสหรัฐฯ
ในการเยือนครั้งนี้ยังมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างสายการบิน Vietjet ของเวียดนามกับบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินของจีน COMAC ซึ่งจะเปิดทางให้เวียดนามใช้งานเครื่องบินโดยสารรุ่น C909 ที่ผลิตในจีน ถือเป็นก้าวแรกในการผลักดันอุตสาหกรรมการบินของจีนเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ แม้ที่ผ่านมาจะประสบอุปสรรคในการได้รับการรับรองจากนานาชาติ
นอกจากนี้ รัฐบาลเวียดนามยังได้แสดงท่าทีสนับสนุนการเชื่อมโยงระบบขนส่งกับจีนผ่านทางรถไฟ โดยได้อนุมัติวงเงินกู้จากจีนเพื่อใช้ในโครงการดังกล่าว แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเชิงลึกของข้อตกลงทางด้านการเงิน
แม้ทั้งสองประเทศจะมีความร่วมมือแน่นแฟ้นในเชิงเศรษฐกิจ แต่ก็ยังคงมีประเด็นเปราะบางที่สร้างความตึงเครียดเป็นระยะ เช่น ความขัดแย้งในทะเลจีนใต้ รวมถึงท่าทีของเวียดนามที่ยอมรับระบบดาวเทียม Starlink ของสหรัฐฯ และดำเนินมาตรการตอบโต้สินค้าจีนบางรายการ เช่น เหล็ก และพัสดุราคาถูก
อย่างไรก็ตาม หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจในเวียดนาม ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงมีกำหนดเดินทางต่อไปยังมาเลเซียและกัมพูชา ระหว่างวันที่ 16–19 เมษายน เพื่อเสริมสร้างบทบาทของจีนในภูมิภาค ท่ามกลางความผันผวนของภูมิรัฐศาสตร์โลกและการแข่งขันทางเศรษฐกิจที่เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ด้านโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แสดงความเห็นต่อการหารือระหว่างจีนและเวียดนามว่า ตนไม่ตำหนิทั้งสองประเทศที่เลือกพูดคุยกันในช่วงเวลานี้ พร้อมกล่าวว่า “เป็นการประชุมที่น่ารักดี เหมือนกับพยายามหาวิธีว่า จะเล่นงานสหรัฐฯ อย่างไรดี”
สะท้อนให้เห็นถึงท่าทีของสหรัฐฯ ที่ยังคงจับตาความร่วมมือระหว่างสองประเทศใกล้ชิด โดยเฉพาะในประเด็นการส่งออกสินค้าที่อาจกระทบสมดุลทางการค้า ซึ่งยังคงเป็นหนึ่งในหัวข้อสำคัญที่รัฐบาลสหรัฐฯ นำมาใช้ประกอบการพิจารณากำหนดมาตรการภาษีอย่างเข้มงวดต่อคู่ค้ารายสำคัญในภูมิภาค
ภาพและเนื้อหาโดย สำนักข่าวรอยเตอร์ส