จีนรุกกดดันสหรัฐฯ ยกเลิกภาษีตอบโต้ นับถอยหลังสงครามการค้าของทรัมป์

25 เม.ย. 2568 | 09:00 น.

จีนเร่งกดดันสหรัฐฯ ยกเลิกภาษีแบบฝ่ายเดียว ลั่นยังไม่มีดีลใดๆ ขณะทรัมป์เปรยอาจลดภาษีนำเข้า ด้านนักลงทุนต่างชาติในจีนร้องปัญหาหนัก กระทบธุรกิจ

ในจังหวะที่กระแสสงครามการค้าระหว่างสองชาติมหาอำนาจเริ่มส่งสัญญาณเปลี่ยนทิศ จีนได้ออกมาเรียกร้องอย่างชัดเจนต่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกาให้ยุติการใช้มาตรการภาษีแบบ "ฝ่ายเดียว" ทุกรูปแบบ พร้อมย้ำว่า หากสหรัฐฯ ต้องการแก้ไขปัญหาการค้าจริง ก็จำเป็นต้อง "แก้ปมที่ตัวเองเป็นคนผูกไว้" เท่านั้น

คำกล่าวนี้มาจาก เหอ หย่าตง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน ที่แถลงต่อสื่อมวลชนในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยระบุว่า สหรัฐฯ ควรยกเลิกมาตรการเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนทั้งหมด หากต้องการเห็นการยุติปัญหาทางการค้าอย่างแท้จริง

ท่าทีดังกล่าวของจีนมีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันกับที่มีรายงานว่า ฝ่ายบริหารของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน จากระดับสูงสุดที่ 145% เหลือระหว่าง 50% ถึง 65% โดยอิงจากรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ซึ่งอ้างแหล่งข่าวใกล้ชิด

แม้ทรัมป์จะออกมาแสดงความมั่นใจว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ กับจีนกำลังดำเนินอยู่ และมีการติดต่อโดยตรงระหว่างสองฝ่าย แต่จีนกลับออกมาปฏิเสธอย่างหนักแน่นผ่านคำแถลงของ กัว เจียคุน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน โดยย้ำว่า "จีนและสหรัฐฯ ยังไม่ได้มีการปรึกษาหารือหรือเจรจาใดๆ ในเรื่องภาษี และแน่นอนไม่ได้บรรลุข้อตกลงใดๆ ตามที่สื่อบางสำนักรายงาน นั่นคือข่าวปลอม"

นอกจากการส่งสัญญาณทางการทูตและการค้าระดับสูง จีนยังแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจในการรักษาความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติภายในประเทศ โดยในวันพุธที่ผ่านมา ได้มีการจัดเวทีพูดคุยแบบโต๊ะกลมร่วมกับตัวแทนบริษัทต่างชาติและหอการค้ากว่า 80 ราย เพื่อรับฟังความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ที่มีต่อการลงทุนและการดำเนินธุรกิจในจีน

หลิง จี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า "หวังว่าบริษัทต่างชาติจะสามารถเปลี่ยนวิกฤตให้กลายเป็นโอกาส" พร้อมให้คำมั่นว่ารัฐบาลจีนจะพยายามอย่างเต็มที่ในการช่วยแก้ไขปัญหาและอุปสรรคต่างๆ ที่ธุรกิจเหล่านั้นกำลังเผชิญอยู่

ด้านเวทีระหว่างประเทศ ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ก็ได้ใช้โอกาสการประชุม G20 ริมขอบเวที IMF – World Bank Spring Meetings ที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในการย้ำจุดยืนของจีนว่า จะยังคงสนับสนุนกฎระเบียบการค้าเสรีและระบบการค้าพหุภาคีอย่างมั่นคง

ขณะที่ความเคลื่อนไหวจากทั้งสองฝ่ายสะท้อนถึงแรงกระเพื่อมที่อาจนำไปสู่การ "คลายปม" สงครามภาษีที่ลากยาวมาหลายปี แต่ก็ยังไม่มีสิ่งใดชัดเจนว่า ความพยายามในครั้งนี้จะเดินหน้าสู่โต๊ะเจรจาอย่างเป็นทางการ หรือเป็นเพียงการ "ขยับหมาก" เชิงกลยุทธ์ในช่วงก่อนการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ที่ใกล้เข้ามาทุกขณะ

อย่างไรก็ตาม สัญญาณจากจีนครั้งนี้ถือเป็นการส่งข้อความถึงสหรัฐฯ อย่างเด็ดขาดว่า หากจะมีดีลทางการค้าใดๆ เกิดขึ้น ฝ่ายที่เริ่มก็ต้องเป็นฝ่ายที่ "ปลดล็อก" ความขัดแย้งก่อน และนั่นหมายถึงการ "ยกเลิกภาษีฝ่ายเดียว" ทั้งหมดที่สหรัฐฯ เป็นผู้เริ่มใช้นั่นเอง