ปั้นแบรนด์Ceresa เทียบชั้นแบรนด์โลก

17 มิ.ย. 2562 | 08:35 น.

ความเชี่ยวชาญเกิดขึ้นได้จากการศึกษาและเรียนรู้ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้  ซึ่งก็คงจะไม่เกินเลยไปนักหากจะบอกว่า “สุวพิชญ์  วงศ์อภิฤทธิ์” คือหญิงสาวผู้เป็นสุดยอดแห่งกูรูทางด้านน้ำหอมของประเทศไทย เพราะตัวเธอคือผู้ที่คลุกคลีอยู่ในวงการ จนสามารถสร้างแบรนด์ธุรกิจเกี่ยวกับน้ำหอมที่ได้รับการบอกต่อกันไปแบบปากต่อปากมากที่สุดจากคุณภาพของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “Ceresa” (เซเรซ่า)

 

จุดเริ่มความหอม

สุวพิชญ์ ฐานะกรรมการผู้จัดการ บริษัท ออฟเฟอร์ กรุ๊ป จำกัด บอกกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ตัวเธอคือผู้บุกเบิกตลาดนํ้าหอมในประเทศ  และแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แบบจริงจัง  โดยมีไอเดียที่จะสร้างแบรนด์ให้เป็นวิกตอเรีย (Victoris’s Secret) เมืองไทย ซึ่งมีโชว์รูมนํ้าหอมที่ต่างประเทศหลายแห่ง โดยอาศัยความรู้และประสบการณ์จากการที่ตัวเธอเคยเป็นผู้จำหน่ายหัวนํ้าหอมมาก่อน  หากต้องการสร้างธุรกิจทางด้านดังกล่าวน่าจะมีความได้เปรียบ ซึ่งตัวเธอจะเลือกใช้หัวนํ้าหอมจากประเทศฝรั่งเศสมาปรุงนํ้าหอมกลิ่นต่างๆ ปั้นแบรนด์Ceresa  เทียบชั้นแบรนด์โลก

อย่างไรก็ดี  กว่าจะคลอดออกมาเป็นนํ้าหอมแบรนด์ Ceresa ที่ได้รับการยอมรับอย่างในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องใช้เวลาถึง 1 ปีเต็มไปกับการศึกษาค้นคว้าวิธีปรุงนํ้าหอม เพื่อทำให้กลิ่นฟุ้งกระจาย  และที่สำคัญที่สุดคือการทำให้กลิ่นติดทนนาน โดยทำไปพร้อมกับการสำรวจความต้องการของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย ส่วนปีที่ 2 ได้ใช้เวลาเรียนรู้เรื่องการทำตลาดออนไลน์โดยเฉพาะ เพราะเป็นช่องทางการขายในลำดับต้นๆ ที่ได้รับความนิยม หลังจากนั้นในปีที่ 3 จึงเริ่มลงมือสร้างแบรนด์แบบจริงจัง โดยเลือกวางจำหน่ายผ่านทางห้างพารากอน  เซ็นทรัล  เดอะมอลล์ ในโซนความงาม เช่น กูร์เม่ต์ และท็อปส์ มาร์เก็ต เป็นต้น

นอกจากนี้  ยังมีจำหน่ายบนช่องทางออนไลน์ผ่านทางยูทูปส์  โดยจะเป็นการทำคลิปให้ความรู้เรื่องนํ้าหอม  และการเดินแฟชั่นโชว์ของนางแบบ นายแบบ อีกทั้งยังมีบนไอจี (IG) เฟซบุ๊กแฟนเพจ  ไลน์แอด (Line@) และทวิตเตอร์  ขณะที่กูเกิลจะใช้เพื่อค้นหาลูกค้าแบบโรงงานผลิตนํ้าหอม เพื่อส่งหัวนํ้าหอมให้เป็นการทำธุรกิจแบบ B2B หรือรับผลิต และสอนการปรุงนํ้าหอม   ปั้นแบรนด์Ceresa  เทียบชั้นแบรนด์โลก

“จุดเด่นที่ทำให้แบรนด์โตขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง คือความมั่นใจเรื่องกลิ่นที่ติดทนนานถึง 12 ชั่วโมง  ราคาที่จับต้องได้  ภาพลักษณ์แบรนด์  ซึ่งตนเข้าใจดีว่านํ้าหอมคือสินค้าฟุ่มเฟือย ลูกค้าซื้อสินค้าประเภทนี้ด้วยอารมณ์ เพื่อเป็นการเสริมสร้างบุคลิกภาพไม่ใช่สินค้าที่จำเป็น  เพราะฉะนั้นภาพลักษณ์ และแบรนด์จึงต้องดี  ตนจึงมุ่งเน้นในส่วนดังกล่าวนี้มาโดยตลอดและประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยอีกสิ่งหนึ่งที่ให้ความสำคัญคือการให้บริการหลังการขาย  ซึ่งไม่ว่าสินค้าจะมีปัญหาเล็กน้อยจะรับเคลมรับเปลี่ยนหมด  เพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์ใส่ใจแม้กระทั่งเรื่องเล็กน้อย  จนเป็นที่พูดกันแบบปากต่อปากจนเกิดภาวะผลิตภัณฑ์ขาดตลาด”  ปั้นแบรนด์Ceresa  เทียบชั้นแบรนด์โลก

 

ขยายตลาดในและต่างประเทศ

สุวพิชญ์ บอกอีกว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของแบรนด์คือกลุ่มที่มีรายได้ระดับกลางจนถึงล่าง  มีช่วงอายุประมาณ 27-47 ปี  โดยเป็นกลุ่มที่มีกำลังในการจับจ่ายใช้สอยได้ ส่วนแผนการขยายตลาดเพื่อเพิ่มฐานลูกค้าปีนี้จะดำเนินการทั้งในส่วนของในประเทศ  ซึ่งจะเป็นรูปแบบของการขยายโชว์รูมไปสู่ห้างโรบินสันในแถบปริมณฑลก่อน  โดยจะทำเป็นคอนเซ็ปต์ของคาเฟ่ ซึ่งลูกค้าจะมีโต๊ะนั่งสำหรับจิบไวน์หรือชา กาแฟเบาๆ ควบคู่ไปกับการรับประทาน ขนมในแบบฝรั่งเศส เช่น มาการอง และมีการนวดบำบัดด้วยกลิ่น  โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาขอพื้นที่ในการจัดทำที่เหมาะสม

อย่างไรก็ตาม  แบรนด์ยังมีแผนที่จะทำนํ้าหอมขนาด 20 มิลลิลิตร (ML) เพื่อวางจำหน่ายในเซเว่นอีเลฟเว่น (7-11 eleven) โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนของการเตรียมกำลังการผลิตเพื่อวางจำหน่าย นอกจากนี้ช่วงประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายน  แบรนด์ยังมีแผนที่จะจัดแฟชั่นโชว์ ซึ่งจะเป็นการเดินแบบของนายแบบ นางแบบ และกลุ่มข้ามเพศ (LGBT) เพื่อสร้างการรับรู้ให้กับแบรนด์ต่อผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น  นอกจากนี้แบรนด์ยังจะมีการเซ็นสัญญาว่าจ้าง คุณแมน-วทัญญู มุ่งหมาย ให้เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ผู้ชายคนแรกของแบรนด์ด้วย เพื่อเพิ่มภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์    ปั้นแบรนด์Ceresa  เทียบชั้นแบรนด์โลก

ขณะที่การขยายตลาดในต่างประเทศนั้น ล่าสุดกำลังดำเนินการเรื่องการขอ FDA หรือ อย. จากประเทศ เมียนมา เพื่อนำผลิตภัณฑ์เข้าไปจำหน่าย โดยจะเป็นการเข้าไปทำตลาดด้วยแบรนด์เองในรูปแบบของการเปิดโชว์รูมในห้างสรรพสินค้า จากเดิมที่แบรนด์มีผลิตภัณฑ์จำหน่ายแล้วที่ประเทศลาว เวียดนาม และกัมพูชา เพิ่มกลิ่นสร้างทางเลือก

สุวพิชญ์ บอกต่อไปอีกว่า แบรนด์ยังเตรียมนำเสนอนํ้าหอมกลิ่นใหม่เพิ่มเติมอีก 5 กลิ่น โดยแบ่งเป็นนํ้าหอมสำหรับผู้ชาย 2 กลิ่น และผู้หญิง 3 กลิ่น เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า อีกทั้งยังจะมีกลิ่นสำหรับลูกค้าที่เป็นมุสลิมโดยเฉพาะ  ซึ่งต้องปราศจากการมีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสมด้วย  โดยอยู่ระหว่างการขอเครื่องหมายฮาลาลรับรองจากเดิมที่มี 9 กลิ่น   ปั้นแบรนด์Ceresa  เทียบชั้นแบรนด์โลก

“จากกลยุทธ์ในการทำตลาดดังกล่าวเชื่อว่าจะทำให้แบรนด์มีรายได้ในระดับ 100 ล้านบาทในปีนี้  เฉพาะที่จำหน่ายในประเทศ โดยหากสามารถวางจำหน่ายได้ที่ประเทศเมียนมา คาดว่าจะมีรายได้ 100 ล้านบาทภายใน 3 เดือน”

สุวพิชญ์ บอกอีกด้วยว่า แม้ตัวเธอจะศึกษาหาความรู้เรื่องนํ้าหอมมามาก  แต่ตัวเธอเองก็เตรียมที่จะไปศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวที่เมืองกราซ (Grasse) ประเทศฝรั่งเศส  ซึ่งเป็นเมืองที่เป็นแหล่งกำเนิดของนํ้าหอม เพื่อให้ได้ใบรับรอง (Certificate) และเป็นผู้หญิงคนเดียวของประเทศที่ได้  โดยจะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น 

 

เรื่อง : นิธิโรจน์ เกิดบุญภานุวัฒน์

ภาพ : ประเสริฐ ขวัญมา

หน้า 8 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3479 วันที่ 16-19 มิถุนายน 2562

ปั้นแบรนด์Ceresa  เทียบชั้นแบรนด์โลก