ทรัมป์โชว์ผลงาน งบขาดดุลแดงโร่ หนี้ภาครัฐพุ่ง 13%   

13 ก.ย. 2562 | 10:42 น.

สหรัฐอเมริกาขาดดุลงบประมาณเพิ่มมากขึ้นในปีงบประมาณ 2019 นี้ โดยทำสถิติพุ่งเกินระดับ 1 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

 

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ยอดขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯอยู่ที่ระดับเกือบ 1.07 ล้านล้านดอลลาร์แล้วในขณะนี้ เฉพาะเดือนสิงหาคม 2562 มีการขาดดุลเพิ่มขึ้นมากกว่า 214,100 ล้านดอลลาร์ ก่อนหน้านี้ รัฐบาลสหรัฐฯเคยประสบภาวะขาดดุลงบประมาณในระดับใกล้เคียงกันนี้ในปี 2012 โดยในปีนั้น ตัวเลขขาดดุลอยู่ในระดับเกือบๆ 1.1 ล้านล้านดอลลาร์   

ทรัมป์โชว์ผลงาน งบขาดดุลแดงโร่ หนี้ภาครัฐพุ่ง 13%   

ในช่วงที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หาเสียงเลือกตั้งในปี 2559 เขาให้สัญญากับประชาชนว่าถ้าได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี เขาจะลดภาษีและเพิ่มการใช้งบด้านโครงสร้างพื้นฐาน แม้ว่านโยบายเหล่านี้จะทำให้รัฐมีรายได้น้อยลงและมีรายจ่ายเพิ่มขึ้น แต่การที่เศรษฐกิจได้รับแรงกระตุ้นให้มีการขยายตัวมากขึ้นซึ่งเป็นผลพวงจากนโยบายดังกล่าวก็จะสามารถชดเชยส่วนที่ขาดหายไปได้ แต่ในความเป็นจริงก็คือมาตรการลดภาษีให้บริษัทเอกชนและบุคคลผู้มีเงินได้ทั่วไปในปี 2560 ได้ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นจาก 584,600 ล้านดอลลาร์ในปี 2559 เป็น 779,000 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปี 2561 และขยับขึ้นเป็น 1.07 ล้านล้านดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม 2562

  

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น (ส.ค.) รายได้ของภาครัฐเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่อัตราประมาณเดือนละ 280,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายจ่ายของรัฐก็พุ่งขึ้นมากเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นในอัตราเฉลี่ยเดือนละ 377,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี หรือถ้าเทียบกับการขยายตัวของยอดขาดดุลงบประมาณในปี 2561 ก็จะพบว่า การขาดดุลในปีนี้ (2562) สูงกว่าสถิติในปี 2561 เฉลี่ยเดือนละ 25,000 ล้านดอลลาร์

 

ข้อมูลของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ยังชี้ว่าไม่เพียงยอดขาดดุลงบประมาณที่ทะยานสูงขึ้น แต่นับตั้งแต่ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งในปี 2560 ยอดหนี้สาธารณะของสหรัฐฯก็พุ่งสูงขึ้นด้วย โดยพุ่งขึ้น 13% สู่ระดับ 22.5 ล้านล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 700 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน