"ทรัมป์" ถูกศาลรัฐโคโลราโดตัดสิทธิ์ชิงตำแหน่งปธน.สหรัฐศึกเลือกตั้งปี 67

20 ธ.ค. 2566 | 06:33 น.

ศาลสูงรัฐโคโลราโดตัดสินแล้วว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐไม่สามารถลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในรัฐโคโลราโดในปีหน้าได้ เนื่องจากมีส่วนร่วมในเหตุการณ์จลาจลบุกอาคารรัฐสภาสหรัฐ เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2564 แต่เขายังมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์


สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คำตัดสินของ ศาลสูงรัฐโคโลราโด ตามมติ 4 ต่อ 3 เสียงที่ตัดสิทธิ์ของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ในการลงสมัครรับเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในครั้งนี้  ถือเป็นครั้งแรกที่ แคนดิเดตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ถูกตัดสิทธิ์ลงสมัครตามบทแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราที่ 14 วรรคที่ 3 ที่ระบุว่า ผู้ที่เคย "ก่อกบฏ หรือก่อการจลาจล" ไม่สามารถดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีได้

แม้คำตัดสินนี้ จะส่งผลต่อการเลือกตั้งรอบไพรมารีของพรรครีพับลิกันในรัฐโคโลราโดเท่านั้น (ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 5 มี.ค.2567) แต่ก็อาจส่งผลต่อโอกาสของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งทั่วไปของรัฐโคโลราโดในวันที่ 5 พ.ย. 2567 ด้วย

ปัจจุบันเป็นที่คาดกันว่า ชาวโคโลราโดส่วนใหญ่เป็นฐานเสียงให้กับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ไม่ว่าสถานะของทรัมป์จะเป็นอย่างไร

ยังมีโอกาสยื่นอุทธรณ์

ด้านนายทรัมป์วางแผนที่จะยื่นอุทธรณ์ต่อศาลสูงสุดสหรัฐ ขณะที่ศาลรัฐโคโลราโดจะคงคำตัดสินไว้อย่างน้อยถึงวันที่ 4 ม.ค. 2567 เพื่อให้มีเวลายื่นอุทธรณ์ หลังจากนั้น ศาลสูงสุดสหรัฐ ซึ่งมีผู้พิพากษาสามคนที่มาจากการแต่งตั้งของนายทรัมป์ จะตัดสินว่านายทรัมป์สามารถลงสมัครเลือกตั้งประธานาธิบดีอีกครั้งได้หรือไม่

คดีนี้ถือเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับความพยายามในการตัดนายทรัมป์ออกจากการลงคะแนนเลือกตั้งในรัฐ โดยอาศัยการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตราที่ 14 วรรคที่ 3 ที่บัญญัติขึ้นหลังสงครามกลางเมือง

คำตัดสินนี้จะส่งผลต่อการเลือกตั้งรอบไพรมารีของพรรครีพับลิกันในรัฐโคโลราโดซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 5 มี.ค.2567 เท่านั้น

ทั้งนี้ ศาลรัฐโคโลราโดพิจารณาว่า ทรัมป์ไม่มีสิทธิ์ลงสมัครเนื่องจากบทบาทของเขาในเหตุการณ์ความรุนแรงที่อาคารรัฐสภาขณะที่สมาชิกสภานิติบัญญัติกำลังประชุมกันเพื่อรับรองผลการเลือกตั้งปี 2563 (ซึ่งโจ ไบเดน เป็นผู้ชนะในการเลือกตั้งครั้งนั้น) โดยศาลยอมรับว่า กรณีนี้เป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์การเมืองสหรัฐ

ก่อนหน้านี้ ศาลล่างเคยตัดสินว่า นายทรัมป์มีส่วนในการก่อกบฏโดยยุยงปลุกปั่นกลุ่มผู้สนับสนุนให้ก่อความรุนแรง แต่ก็ยังไม่เข้าข่ายการถูกตัดสิทธิ์ตามการแก้ไขเพิ่มเติมฯ เนื่องจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ "ไม่ถือเป็นเจ้าหน้าที่สหรัฐ"

คดีนี้ได้รับการยื่นฟ้องโดยกลุ่มผู้มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งชาวโคโลราโด และกลุ่มองค์กรเพื่อความรับผิดชอบและจริยธรรมของพลเมืองในวอชิงตัน (CREW) คนกลุ่มนี้โต้แย้งว่าการกระทำของนายทรัมป์ในวันที่ 6 ม.ค.2564 นั้น เป็นความพยายามที่จะขัดขวางการโอนถ่ายอำนาจประธานาธิบดี

ในขณะที่ศาลในรัฐอื่น ๆ ปฏิเสธคดีความในลักษณะเดียวกันนี้ในช่วงก่อนหน้า แต่คำตัดสินของศาลรัฐโคโลราโดก็อาจส่งผลต่อความพยายามในการตัดสิทธิ์ทรัมป์ในอนาคต

กลุ่มผู้สนับสนุนนายทรัมป์ร่วมชุมนุมและบุกรุกอาคารรัฐสภาสหรัฐในเดือนมกราคม 2564

ด้านโฆษกทีมหาเสียงของนายทรัมป์ได้ออกมาประณามคำตัดสินดังกล่าวของศาลสูงรัฐโคโลราโดว่า "ไม่เป็นประชาธิปไตย" และ "มีข้อบกพร่องโดยสิ้นเชิง" และยืนยันว่าจะยื่นเรื่องอุทธรณ์ต่อศาลสูงสุดสหรัฐโดยเร็วที่สุด

ขณะเดียวกัน ทนายความของนายทรัมป์โต้แย้งว่า สุนทรพจน์ของทรัมป์ในวันที่ 6 ม.ค.2564 ได้รับการคุ้มครองตามหลักสิทธิเสรีภาพในการพูด การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 14 ไม่สามารถใช้กับประธานาธิบดีสหรัฐได้ และสภาคองเกรสต้องเป็นผู้ลงคะแนนเสียงถึงจะตัดสิทธิ์แคนดิเดตได้

ด้านนายคาร์ลอส ซามูร์ หนึ่งในสามผู้พิพากษาศาลรัฐโคโลราโดที่ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลสูงรัฐโคโลราโดในครั้งนี้ ออกมาโต้แย้งว่า "แม้ว่าเราจะเชื่อมั่นว่าผู้สมัครคนหนึ่งได้กระทำเรื่องน่าหวาดกลัวเมื่อในอดีต เช่น มีส่วนร่วมในการก่อกบฏ ถึงกระนั้น ก็ต้องมีวิธีพิจารณาความที่ถูกต้องเสียก่อนที่เราจะสามารถประกาศได้ว่า บุคคลนั้นถูกตัดสิทธิ์จากการดำรงตำแหน่ง"