ชาวรัสเซีย ได้พยายามทำให้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) เป็นเหมือนบ้านของพวกเขามากขึ้น โดยได้พลิกโฉมย่านต่าง ๆ ใน มหานคร “ดูไบ” ให้เป็นที่ซึ่ง ชุมชนชาวรัสเซีย จะสามารถพบร้านกาแฟที่คุ้นเคยได้ เช่น โดโด พิซซ่า (Dodo Pizza) หรือแองเจิล เค้กส์ (Angel Cakes)
นอกจากนี้ ศูนย์การแพทย์ต่าง ๆในดูไบ ยังมีพนักงานที่พูดภาษารัสเซียได้ หรือหากต้องการจะเรียนแล่นเรือใบ ก็มีครูพูดรัสเซียได้ด้วยเช่นกัน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ชาวรัสเซียยังได้เฉลิมฉลองเทศกาลมาสเลนิตซา (Maslenitsa) หรือ “เทศกาลแพนเค้ก” ซึ่งเป็นเทศกาลยอดนิยมของชาวสลาฟตะวันออก อันเป็นการเปลี่ยนผ่านจากฤดูหนาวสู่ฤดูใบไม้ผลิในดูไบด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น มหานครดูไบ ยังได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางในตารางทัวร์ของบรรดาศิลปินที่พูดภาษารัสเซียอีกด้วย
ทั้งนี้ ชาวต่างชาติได้ย้ายมาพำนักอาศัยที่เมืองดูไบเป็นเวลาเนิ่นนานพอสมควรแล้ว โดยดูไบมีประชากรทั้งสิ้น 3.5 ล้านคน แต่มีเพียงประมาณ 285,000 คนเท่านั้นที่มีสัญชาติเอมิเรตส์ อย่างไรก็ตาม UAE ไม่เปิดเผยจำนวนประชากรของแต่ละสัญชาติ โดยระบุเพียงว่า ชาวอินเดียมีจำนวนมากที่สุด ตามด้วยชาวปากีสถาน ซึ่งประชากรแต่ละกลุ่มจะมีร้านอาหารแบบดั้งเดิม และมีย่านยอดนิยมของตนเอง โดยในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา นายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดียได้เดินทางมาทำพิธีเปิดวัดฮินดูแห่งแรกในกรุงอาบูดาบี นครหลวงของ UAE
ท่ามกลางการเผชิญหน้ากันด้านภูมิรัฐศาสตร์ และรัสเซียก็ยังเดินหน้าทำสงครามกับยูเครน ประเทศ UAE เป็นหนึ่งในประเทศที่ไม่ได้คว่ำบาตรรัสเซียเหมือนกับสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งทำให้พลเมืองรัสเซียสามารถซื้ออสังหาริมทรัพย์ใน UAE ได้ง่ายขึ้น
นางมารินา ชาลาเอวา หุ้นส่วนของเอ็นเอฟ กรุ๊ป มิดเดิลอีสต์ (NF Group Middle East) บริษัทนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ในดูไบ เปิดเผยว่า ชาวรัสเซียชื่นชอบที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ในย่านหรูหราริมทะเล อย่างเกาะปาล์ม จูไมราห์ และดูไบ มารีนา ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของเหล่านักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางอัตราค่าเช่าและต้นทุนค่าครองชีพอื่นๆที่ขยับสูงขึ้น ทำให้ชาวรัสเซียที่เคยได้ชื่อว่าเป็นต่างชาติที่ซื้ออสังหาริมทรัพย์รายใหญ่อันดับหนึ่ง ในดูไบเมื่อปี 2022 (พ.ศ.2565) หล่นอันดับมาเป็นที่สามในปีนี้ โดยมีอันดับหนึ่งและสองเป็นผู้ซื้อสัญชาติออินเดียและอังกฤษ ตามลำดับ
เรื่องนี้ฟังดูคุ้นๆ คล้ายกับสภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดภูเก็ตของประเทศไทย ที่ได้รับประโยชน์จากการท่องเที่ยว โดยชาวรัสเซียมีสัดส่วนมากถึง 40-60 %จากลูกค้าทั้งหมด หากเทียบกับเมื่อก่อนจะมีสัดส่วนเพียง 10-15 % เท่านั้น ซึ่งความสนใจจะอยู่ที่ทำเลหาดกะตะ หาดกะรน หาดป่าตอง หาดกมลา หาดบางเทา เชิงทะเล (ลากูนา) และหาดในทอน ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ดังกล่าวขยับขึ้น 15-20 % ในช่วงปีที่ผ่านมา
ข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย ที่เผยแพร่ในเดือนมีนาคม 2566 ชี้ว่า ประเด็นที่น่าสนใจ คือการกลับเข้ามาของชาวรัสเซียในตลาดอสังหาฯ จนกลายเป็นผู้ซื้อเบอร์ 1 ในตลาดพูลวิลล่าราคาแพง จนทำให้ราคาขายพูลวิลล่าในภูเก็ตขยับขึ้น ทั้งนี้ คาดว่าความต้องการของลูกค้ารัสเซียจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปอีก 1-2 ปีข้างหน้า จากความต้องการที่เพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวรัสเซียที่เดินทางเข้ามาในไทยด้วยเหตุผลต้องการหนีภาวะสงคราม และเพื่อท่องเที่ยวในช่วงไฮซีซั่น โดยการตัดสินใจซื้อจะมองเรื่องทำเล ราคาขาย และชื่อเสียงของผู้พัฒนาโครงการ ซึ่งนอกจากชาวรัสเซียแล้ว ยังมีความต้องการจากลูกค้าชาวจีนสนับสนุนเข้ามาอีกทางหนึ่งด้วย
ข้อมูลอ้างอิง