แนวรบตอ.กลางระอุ กองกำลังของสหรัฐในอิรัก-ซีเรีย ถูกโจมตีด้วยโดรนและจรวด

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า กองกำลังของสหรัฐอเมริกา ใน อิรัก และ ซีเรีย เผชิญการโจมตีด้วยจรวดและโดรนพิฆาตสองครั้งในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมงช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยแหล่งข่าวความมั่นคงอิรักและเจ้าหน้าที่สหรัฐกล่าวกับรอยเตอร์เมื่อวันจันทร์ (22 เม.ย.) ว่า นี่คือเหตุการณ์โจมตีหน่วยรบของอเมริกันครั้งแรกในรอบเกือบๆ 3 เดือนของการสงบศึกชั่วคราว

ทั้งนี้ ก่อนหน้าการหยุดยิงชั่วคราวที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ กลุ่มมุสลิมติดอาวุธนิกายชีอะห์ที่ได้รับความสนับสนุนจากอิหร่าน และดำเนินการภายใต้ชื่อ “กลุ่มต่อต้านเพื่ออิสลาม” (Islamic Resistance) ในอิรัก ได้ระดมโจมตีกองกำลังของสหรัฐในพื้นที่อิรักและซีเรียแทบจะรายวันมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนตุลาคม 2566 โดยอ้างว่าเพื่อตอบโต้การที่สหรัฐสนับสนุนอิสราเอลเข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา

เจ้าหน้าที่สหรัฐคนหนึ่งเผยว่า เมื่อวันเสาร์ (20 เม.ย.) โดรน 2 ลำถูกยิงตกใกล้ฐานทัพอากาศ Ain al-Asad ซึ่งเป็นที่ตั้งของกองทหารสหรัฐในจังหวัดอันบาร์ ทางตะวันตกของอิรัก จากนั้นไม่ถึง 24 ชั่วโมงให้หลังจรวด 5 ลูกถูกยิงจากทางตอนเหนือของอิรักไปยังกองกำลังสหรัฐที่ฐานทัพแห่งหนึ่งในเมืองรูมาลิน ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศซีเรียเมื่อวันอาทิตย์ (21 เม.ย.)

โดยการยืนยันของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และอิรัก ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตหรือความเสียหายสำคัญจากการโจมตีดังกล่าว

เจ้าหน้าที่กลาโหมสหรัฐที่ไม่เปิดเผยชื่อกล่าวว่า การโจมตีด้วยจรวดที่มุ่งเป้าไปยังกองกำลังของสหรัฐในอิรักและซีเรียครั้งล่าสุดนี้ ถือเป็นการโจมตีครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2567

การโจมตีครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เพิ่งเกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้นที่ฐานทัพแห่งหนึ่งของอิรักเมื่อวันเสาร์ (20 เม.ย.) คร่าชีวิตสมาชิกคนหนึ่งของกองกำลังความมั่นคงของอิรัก ที่เดิมเป็นกลุ่มที่เคยได้รับความสนับสนุนจากอิหร่าน กลาโหมอิรักกำลังสอบสวนเหตุระเบิดดังกล่าวอยู่ว่า เหตุระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นการถูกโจมตีหรือไม่ แต่รายงานเบื้องต้นระบุว่า ไม่มีเครื่องบินรบอยู่บนท้องฟ้าในขณะนั้น และกองทัพสหรัฐก็ได้ออกมาปฏิเสธอย่างรวดเร็วว่า สหรัฐไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

• เกิดเหตุระเบิดในฐานทัพอิรัก ตาย 1 เจ็บ 8 สหรัฐชิงปฏิเสธไม่มีเอี่ยว

ข่าวระบุว่า นายโมฮัมเหม็ด ชีอะห์ อัล-ซูดานี นายกรัฐมนตรีอิรัก เพิ่งเดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกาซึ่งเขาไปเยือนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ และยังได้พบกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยการพบปะดังกล่าวเป็นความพยายามของอิรักในการที่จะสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ในด้านความสัมพันธ์สหรัฐ-อิรัก แม้จะมีความตึงเครียดในภูมิภาคตะวันออกกลางเพิ่มสูงขึ้นก็ตาม โดยเขายืนยันกับปธน.ไบเดนว่า อิรักต้องการสันติภาพ และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีอิสราเอลของอิหร่านเมื่อวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ สหรัฐบุกอิรักในปี 2546 และโค่นล้มอดีตผู้นำ ซัดดัม ฮุสเซน กองทัพสหรัฐปักหลักอยู่ในอิรักหลังจากนั้นก่อนจะถอนกำลังออกไปในปี 2554 และกลับมาใหม่ในปี 2557 ตามคำขอร้องของรัฐบาลแบกแดดที่ต้องการให้สหรัฐเป็นแกนนำกองกำลังร่วมต่างชาติ ในการต่อสู้กับกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม ทำให้จากวันนั้นถึงวันนี้ สหรัฐยังคงมีทหารประจำการอยู่ประมาณ 2,500 นายในอิรัก และ 900 นายในซีเรียตะวันออก เพื่อปฏิบัติภารกิจให้คำแนะนำและช่วยเหลือ (advise-and-assist mission) แก่อิรักและซีเรีย