นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ใน การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค อย่างไม่เป็นทางการในช่วงเช้าวันนี้ (18 พ.ย.) เป็นเวลา 2 ชั่วโมงกว่าๆ ที่เน้นในเรื่อง การเติบโตที่สมดุล ทุกคนมีส่วนร่วมอย่างยั่งยืน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม และมี 20 เขตเศรษฐกิจเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียงกัน
“คำกล่าวของพล.อ.ประยุทธ์แทบร้อยเปอร์เซ็นต์ นำเสนอแนวคิด BCG ให้กับเขตเศรษฐกิจ เน้นว่าเป็นแนวทางส่งเสริมการเติบโตที่ยั่งยืน พูดทุกเรื่องในการนำความหลากหลายทางชีวภาพ การดำเนินเศรษฐกิจหมุนเวียน และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว โดยครั้งนี้เป็นการนำ 3 แนวคิดมาสัมพันธ์กันครั้งแรกของเอเปค ดังนั้นการค้าการลงทุนจะเปลี่ยนโฉมหน้าด้วย BCG” นายเชิดชายกล่าว และเสริมว่า
นายกฯหวังว่าในช่วงปิดการประชุมผู้นำเอเปควันพรุ่งนี้ (เสาร์ที่ 19 พ.ย.) เวทีผู้นำเอเปค จะร่วมกันประกาศ เอกสาร Bangkok Goals on BCG Economy ที่จะสร้างประวัติศาสตร์ครั้งสำคัญของเอเปค เกิดขึ้นในปีที่ไทยเป็นเจ้าภาพ
นายเชิดชาย กล่าวด้วยว่า ผู้นำได้กล่าวแตะหัวข้อที่เน้นสถานการณ์สำคัญๆ ทางเศรษฐกิจของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์รัสเซีย-ยูเครน เงินเฟ้อที่สูงขึ้น เศรษฐกิจเสื่อมถอย ผลกระทบต่อห่วงโซ่การผลิต โดยผู้นำแทบทุกคนเห็นตรงกันว่าเป็นผลกระทบจริงจากสถานการณ์ยูเครน ตลอดจนสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจที่เป็นปัญหาใหญ่ของทุกเขตเศรษฐกิจ
การฟื้นตัวจากโควิด...สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ผู้นำเขตเศรษฐกิจเห็นพ้องกันว่า การฟื้นฟูหลังโควิด-19 ต้องมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมการมีส่วนร่วม ที่เน้นกลุ่มธุรกิจเอ็มเอสเอ็มอี และเอสเอ็มอีต้องมีบทบาทมากขึ้น รวมทั้งชุมชนท้องถิ่นด้วย
"ผู้นำหลายท่านให้ความสำคัญกับการใช้ดิจิทัลเป็นพื้นฐานการเติบโตที่ทุกคนมีส่วนร่วม ทำอย่างไรให้มีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ ทุกคนมีเครื่องมือใช้งานดิจิทัล ซึ่งที่ประชุมได้เรียกร้องให้เสริมต่อเติมทักษะด้านเทคโนโลยี อัพสกิลรีสกิลให้กับทุกคนในเขตเศรษฐกิจ" อธิบดีเชิดชายระบุ และกล่าวว่า ผู้นำทุกคนต่างชื่นชมแนวทาง BCG โดยเฉพาะการวางแนวทางปฏิบัติของเอกสารเป้าหมายกรุงเทพฯ จะมีส่วนเพิ่มขีดความสามารถ ส่งเสริมความร่วมมือด้านเทคนิคร่วมกัน
อธิบดีกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศกล่าวด้วยว่า ผู้นำยังได้พูดถึงความมั่นคงทางพลังงาน การทำการเกษตรรูปแบบใหม่ที่แก้ไขปัญหาสภาพอากาศ "ผมได้ยินผู้นำบางท่านพูดถึงการสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งในการแก้ไขปัญหาขยะทะเล บางท่านพูดถึงการสนับสนุนให้กระบวนการกรีนไฟแนนซ์ เพื่อส่งเสริมไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว"
ในช่วงตอบคำถามสื่อ เกี่ยวกับประเด็นที่สื่อจีนถามว่าคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับ แนวคิดเอเชียแปซิฟิกที่เปิดกว้างมากขึ้นและครอบคลุมทุกภาคส่วน ( greater openness and inclusiveness) เพื่อความก้าวหน้าและมั่งคั่งไปด้วยกัน อันเป็นแนวคิดวิสัยทัศน์ที่ท่านปธน.สี จิ้นผิง ผู้นำจีนได้นำเสนอไว้
อธิบดีเชิดชายตอบว่า อันที่จริงตนเองไม่สามารถให้ความเห็นเกี่ยวกับทัศนะของบรรดาท่านผู้นำที่แลกเปลี่ยนและนำเสนอกันในวงประชุม แต่ก็รู้สึกได้ว่าแนวคิดดังกล่าว รวมทั้งข้อเสนอของบรรดาผู้นำที่ถูกหยิบยกขึ้นมาในที่ประชุม ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากทุกเขตเศรษฐกิจ รวมทั้งตัวอธิบดีเองก็เห็นด้วยเกี่ยวกับการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน การครอบคลุมทุกภาคส่วนให้ได้รับประโยชน์ แนวคิดเศรษฐกิจสีเขียว และการฟื้นฟูเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกหลังยุคโควิด
ความเห็นแตกต่างไม่ใช่แตกแยก "สปิริตแห่งเอเปคกลับมาแล้ว"
เกี่ยวกับการพยายามคลี่คลายปัญหาความคิดเห็นที่ยังแตกต่างกันอยู่ จะเห็นได้ว่ามีความคืบหน้าเกิดขึ้นในเชิงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ บรรดาผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคต่างพยายามทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดทุกวัน เพื่อแยกแยะและคลี่คลายสิ่งที่ยังคิดเห็นต่างกันออกมา และเมื่อมองในเชิงการทูตจะเห็นถึงพัฒนาการล่าสุด เช่นในการประชุมทวิภาคีระหว่างปธน.สี จิ้นผิง และปธน.โจ ไบเดนในการประชุมนอกรอบ G20 ที่เกาะบาหลี เป็นต้น
และเมื่อย้อนกลับมาดูความคืบหน้าของเอเปค ก็ยังมองเห็นพัฒนาการในเชิงบวกซึ่งเป็นการมองมุมบวก "อย่างระมัดระวัง" ว่า ตอนนี้เอเปคก้าวมาบนแนวทางที่ถูกต้องแล้วในภาพรวม ถามว่าอะไรยังเป็นความท้าทายของเราที่รออยู่ตรงหน้าและเราจะร่วมกันก้าวผ่านอุปสรรคความท้าทายนี้ไปได้อย่างไร ไม่ว่าร่างแถลงการณ์ร่วมของผู้นำเอเปคจะออกมาไร ด้วย "สปิริตของการประชุมเอเปค" ที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้น จึงเชื่อว่าเอเปคจะสามารถสร้างความก้าวหน้าได้ต่อไปไม่ว่าจะในห้องประชุม หรือนอกห้องประชุมก็ตาม
"ผมเชื่อว่าเรามาถูกทางแล้วในแง่การขับเคลื่อนเอเปคไปสู่สิ่งที่เราหวังจะให้เป็น และสิ่งที่เอเปคสมควรจะเป็น"