ค่ำวานนี้ (18 พ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าเฝ้าฯ หารือทวิภาคีกับเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักร ซาอุดีอาระเบีย
ในโอกาสเยือนไทยอย่างเป็นทางการ และ ในฐานะแขกพิเศษของการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค APEC 2022 THAILAND
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีซาบซึ้งสำหรับการตอบรับการเสด็จพระราชดำเนินเยือนไทยอย่างเป็นทางการ และการตอบรับเข้าร่วมการประชุมเอเปค ในฐานะแขกพิเศษของไทย พร้อมกล่าวถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระราชาธิบดีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย และแสดงความยินดีที่มกุฎราชกุมารแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียทรงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายกรัฐมนตรี
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีย้ำถึงความพร้อมของไทยที่จะทำงาน เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างทั้งสองประเทศ โดยยินดีที่ความร่วมมือทวิภาคีในทุกด้านมีความคืบหน้า และมีการแลกเปลี่ยนการเยือนระหว่างกันในทุกระดับ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
มกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งซาอุดีอาระเบีย มีพระราชดำรัสตอบว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีเดินทางเยือนซาอุดีฯ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ได้หารือในประเด็นต่างๆ และมีการทำข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญ ซึ่งผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นจากการรื้อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างกันจะทำให้เกิดประโยชน์ร่วมกันอีกมาก
โดยซาอุดีฯ ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์และความร่วมมือในด้านต่างๆ กับไทย อาทิ การลงทุน สาธารณสุข และโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น
อย่างไรก็ตามทั้งสองฝ่ายได้หารือ และติดตามผลการดำเนินการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ และการส่งเสริมความร่วมมือในสาขาที่มีศักยภาพระหว่างกัน ดังนี้
การเชิญซาอุดีอาระเบียเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ปี 2565 APEC 2022 THAILAND ในฐานะแขกพิเศษ โดยเห็นถึงการมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และเป็นการแสดงถึงความจริงใจของไทยที่จะร่วมส่งเสริมความร่วมมือทั้งในกรอบทวิภาคีและพหุภาคี ที่ไทยสามารถเป็นหุ้นส่วนของซาอุดีอาระเบียในภูมิภาคได้
โดยต่างยินดีที่ไทยและซาอุดีฯ มีการเยือนระดับสูงอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมา รวมถึงการจัดทำแผนการขับเคลื่อนและส่งเสริมความสัมพันธ์ ทวิภาคีไทย–ซาอุดีอาระเบีย และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการจัดตั้งสภาความร่วมมือซาอุดีฯ - ไทย เพื่อเป็นรากฐานในการดำเนินการส่งเสริมความร่วมมือและเป็นกลไกติดตาม ซึ่งผู้นำทั้งสองต่างขอให้นำแผนดังกล่าวไปปฏิบัติให้เป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด
ไทยย้ำความพร้อมที่จะสนับสนุนในด้านความมั่นคงทางอาหาร สาธารณสุข อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ (Mega-projects) ต่าง ๆ ในซาอุดีอาระเบีย รวมถึงการพัฒนาที่ยั่งยืน ที่ไทยพร้อมร่วมมือในด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะข้อริเริ่มซาอุดีอาระเบียตามวิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบีย (Saudi Vision 2030) ซาอุดีฯ สีเขียวและตะวันออกกลางสีเขียว และการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายเศรษฐกิจ BCG ของไทย
โดยซาอุดีฯ ให้ความสำคัญกับการลงทุนในไทย ซึ่งด้วยวิสัยทัศน์ซาอุดีอาระเบียจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับประเทศไทย และภาคเอกชนของไทยในการส่งเสริมการค้า การลงทุนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
โอกาสนี้ ไทยและซาอุดีฯ ยังเห็นพ้องส่งเสริมความร่วมมือด้านพลังงาน โดยไทยพร้อมร่วมกับซาอุดีฯ ขับเคลื่อนความร่วมมือตามเอกสาร White Paper ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
ทั้งสองฝ่ายมุ่งกระชับความร่วมมือ โดยซาอุดีฯ มองว่า แรงงานไทยถือเป็นแรงงานที่มีฝีมือติดอันดับต้น ๆ ของโลก พร้อมได้เชิญชวนแรงงานไทยให้ไปทำงานที่ซาอุดีฯ ซึ่งจะมีโอกาสที่ดีสำหรับแรงงานไทยอีกมาก
ไทยยินดีที่การเดินทางไปมาระหว่างกันมีความสะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณฝ่ายซาอุดีฯ สำหรับทุนการศึกษาประจำปีแก่นักเรียนและนักศึกษาของไทย หวังว่าจะมีความร่วมมือกันมากขึ้น พร้อมได้กล่าวเสนอให้มีการส่งเสริมความร่วมมือด้านอาชีวศึกษา ในสาขาอาหารและโภชนาการ (อาหารฮาลาล) การเกษตร ปิโตรเคมี การก่อสร้าง และอุตสาหกรรมการผลิต
ภายหลังจากการหารือข้อราชการ นายกรัฐมนตรีกราบบังคมทูลเชิญมกุฎราชกุมาร และนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ทรงเป็นสักขีพยานร่วมในพิธีแลกเปลี่ยนเอกสาร จำนวน 5 ฉบับ ได้แก่