อย่าให้“สุรา” ซ้ำรอยกัญชาเสรี

11 มิ.ย. 2566 | 00:30 น.

บทบรรณาธิการ อย่าให้“สุรา” ซ้ำรอยกัญชาเสรี

นับจากวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภทที่ 5 พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้ โดยกำหนดให้ “ทุกส่วนของกัญชา” ไม่ถือว่าเป็นยาเสพติด ถือเป็นการประกาศอิสรภาพให้กับ “กัญชา” และนำไปสู่ “กัญชาเสรี” ซึ่งหลังจากนั้นเพียงไม่กี่เดือน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ กัญชาถูกนำไปใช้ในรูปแบบที่หลากหลาย
 
ทั้งกัญชาทางการแพทย์ (ซึ่งถูกใช้มาก่อนหน้านี้นานนับสิบปี) กัญชาในอาหาร เครื่องดื่ม รวมไปถึงการเสพ ที่ถูกเรียกว่า “กัญชาเพื่อสันทนาการ” แต่สิ่งที่ถูกต่อต้านจากสังคมคือการเห็นเด็ก เยาวชนจำนวนมาก นั่งเสพกัญชาอย่างโจ่งครึ่ม จากการขายแบบเสรี ไร้ข้อจำกัด ไร้ข้อกำหนด
 
แม้เวลาต่อมากระทรวงสาธารณสุข จะออกประกาศให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม พร้อมข้อห้าม เพื่อป้องปรามและหวังแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยเฉพาะการเสพของกลุ่มเยาวชน คนรุ่นใหม่ ทั้งห้ามจำหน่ายให้กับผู้ที่มีอายุตํ่ากว่า 20 ปี นักเรียน นิสิตหรือนักศึกษา แต่ก็ยังมีร้านค้า จำหน่ายให้กับเด็กและเยาวชนซื้อไปเสพได้อย่างง่ายดาย เป็นการบ่งชี้ว่า กฎหมาย ประกาศ หรือข้อกำหนดเหล่านี้ ไม่สามารถควบคุมหรือถูกนำไปใช้เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ได้
 

วันนี้หากถามว่า นโยบายของพรรคก้าวไกล และว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ในอนาคตที่จะผลักดันให้ “กัญชา” กลับไปเป็นยาเสพติดอีกครั้ง เพื่อควบคุมการเสพ เฉกเช่นในอดีต แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ประกอบการนับหมื่นรายที่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้องใครจะรับผิดชอบ 

แม้ล่าสุด “พรรคก้าวไกล” เอง จะแย้มแผนจัดระเบียบ “กัญชา” ออกมาแล้วว่า หลังดัน “กัญชากลับไปเป็นยาเสพติด” จะออกประกาศคุ้มครองผู้ประกอบการหรือผู้ปลูก ผู้จำหน่ายที่ทำถูกต้องตามกฎหมาย ให้ดำเนินกิจการต่อไปได้อย่างไม่มีปัญหา รวมไปถึงจะจัดทำกฎหมายเพื่อควบคุม และออกกฎระเบียบการใช้กัญชาฯ เพิ่มบทเฉพาะกาลเพื่อคุ้มครองความเสียหายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น กรณีมีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญ

สิ่งเหล่านี้จะช่วยเยียวยาให้กับ “ผู้ประกอบการ” ได้หรือไม่ ยังต้องรอดูต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่ยืนยันได้แน่ๆ คือ “กัญชาเสรี” จะเป็นบทเรียนสำคัญ ให้กับพรรคก้าวไกล ที่เดินหน้าผลักดัน “สุราเสรี” ให้เกิดขึ้นในเมืองไทย

เพราะหากมองย้อนกลับไป จุดเริ่มต้นของนโยบาย “สุราเสรี” ก็ไม่แตกต่างจาก “กัญชาเสรี” เท่าใดนัก ด้วยเป้าประสงค์ที่ต้องการสร้างโอกาส สร้างอาชีพให้กับผู้ประกอบการหน้าใหม่ แต่ที่สุดแล้ว นอกจากจะได้ผู้ประกอบการหน้าใหม่ประดับในแวดวงสายเขียว ได้เม็ดเงินสะพัดจากการแปรรูปเป็นสินค้ามากมายทั้งจำหน่ายในประเทศและส่งออก นำเงินเข้าประเทศ แต่ก็พ่วงด้วยนักเสพหน้าใหม่ ที่เป็นเด็กและเยาวชน 

เส้นทาง “สุราเสรี” ก็ไม่แตกต่างกัน เมื่อปลดล็อกแล้ว รอนับจำนวนนักดื่มหน้าใหม่ที่เป็นเด็กและเยาวชน ที่จะเพิ่มขึ้นได้เลย...อย่าวัวหายแล้วล้อมคอก!!!