ในโลกของการทำธุรกิจ โอกาสและการแข่งขันเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ แต่หากเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ ก็ถือว่าท้าทายไม่น้อย โดยเฉพาะแนวคิดที่จะสร้างให้ธุรกิจเติบโตขึ้น
“ฐานเศรษฐกิจ” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์ “โชติ เชษฐโชติศักดิ์” ทายาท “เฮียฮ้อ - สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” เจ้าพ่ออาร์เอส ที่วันนี้ก้าวเข้ามารับตำแหน่ง “ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร” บริษัท กิฟท์ อินฟินิท จำกัด (มหาชน) หรือ GIFT นำทัพขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ของอาร์เอส กรุ๊ป
“โชติ” ผู้บริหารรุ่นใหม่วัย 32 ปี ที่เติบโตมาพร้อมกับประสบการณ์การทำงานด้านธุรกิจกับ บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ อาร์เอส กรุ๊ป ก่อนจะสำเร็จการศึกษาบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาวิชาการเงิน จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการเงิน และได้เข้ามาทำงาน ด้านการพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซ รวมถึงการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อสร้างโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจ และสร้างเครือข่ายเพื่อต่อยอดธุรกิจให้กับอาร์เอส กรุ๊ป ในตำแหน่งสำคัญ ทั้ง Head of New Business Development และ Business Leader Assistant to CEO ตามลำดับ
การรับได้ไม้ต่อ เดินหน้าธุรกิจ GIFT “โชติ” มีเป้าหมายสำคัญคือ พัฒนา สร้างแบรนด์ และปรับภาพลักษณ์ ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงหรือ Disruption พร้อมมุ่งสู่ตลาดธุรกิจไลฟ์สไตล์ที่อยู่ในกระแสมากขึ้น ให้สามารถสร้าง Brand Equity และการเติบโตได้ในระยะยาว
“ผมเป็นคนชอบธุรกิจมาตั้งแต่เด็ก มักมีคำถามกับคุณพ่อเกี่ยวกับธุรกิจ เศรษฐกิจ และค่าเงิน โดยที่ผ่านมาคุณพ่อไม่เคยบังคับให้เรียนหรือทำงานตามคำสั่ง และแม้จะทำงานกับคุณพ่อ แต่คุณพ่อก็ไม่ได้ให้โจทย์อะไรเป็นพิเศษ ปล่อยให้ผมทำงานเลย แค่มีแนวคิดในการทำงานจากประสบการณ์ของท่านโดยการให้คำแนะนำแบบธรรมชาติ และผมก็ทำงานร่วมกับพี่ชายในธุรกิจ Food & Beverage มาเป็นเวลากว่า 10 ปี ทำให้สั่งสมประสบการณ์และกลยุทธ์การทำงาน บวกกับการบริหารความเสี่ยงที่ได้จากการเรียนด้านการเงินมาด้วย”
“โชติ” เล่าว่า การเข้ามาบริหาร GIFT เหมือนเป็นการขยายธุรกิจของครอบครัวและขับเคลื่อนให้เติบโตขึ้น ซึ่งจุดเริ่มต้นของ GIFT มาจากปัจจัยพื้นฐานในการใช้ชีวิตของผู้คน ในขณะที่โลกของธุรกิจในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น ฉะนั้นจะมองหาโปรดักส์เพื่อเข้าไปอยู่ในตลาดให้ได้ อย่างแบรนด์ร้านอาหาร 2 ใน 3 แบรนด์ จะใช้จุดแข็งด้านการตลาดกับระบบมาใช้ให้เป็นประโยชน์ โดย GIFT ประกอบไปด้วย 3 ธุรกิจหลัก ซึ่งล้วนเป็นธุรกิจที่อยู่ในเทรนด์ปัจจุบัน ตรงกับความสนใจของผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ ได้แก่ กลุ่มธุรกิจ Tech & Innovations กลุ่มธุรกิจ Food & Beverage และกลุ่มธุรกิจ Hospitality, Wellness & Beauty
กลยุทธ์และศักยภาพในกลุ่มธุรกิจ Tech & Innovations โดย A Lot Tech เป็นบริษัทที่จัดจำหน่ายซิมการ์ด อุปกรณ์ไอที อุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคม อุปกรณ์เสริมและอุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต และธุรกิจ E-commerce มีศักยภาพและภาพรวมการเติบโตที่ดีมาก ด้วยปัจจัยทั้งช่องทางการจำหน่ายทั้งออฟไลน์และออนไลน์บนแพลตฟอร์มหลากหลาย เช่น Live Commerce บน TikTok
นอกจากนี้ ยังมีเครือข่ายร้านค้าออนไลน์ที่ครอบคลุมหลายเซ็กเมนต์ และ A Lot Tech ยังครองส่วนแบ่งตลาดซิมการ์ดสูงสุดในประเทศ มีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งกว่า 3 ล้านคนต่อเดือน สามารถนำมาต่อยอดในการสร้างบริการใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ ซึ่งเทรนด์อุตสาหกรรมสินค้า IoT ที่ยังมีโอกาสเติบโตและเป็นธุรกิจแห่งอนาคตที่ผู้บริโภคมีความต้องการสินค้าสูง เพราะตรงกับไลฟ์สไตล์ในปัจจุบัน เช่น ดูคอนเทนต์ออนไลน์ เล่นเกมออนไลน์ ช้อปปิ้งออนไลน์ หรือด้านทำธุรกิจออนไลน์
ขณะเดียวกันก็ได้เดินหน้าเข้าสู่ธุรกิจ Food & Beverage ตามแนวทางที่วางไว้ ด้วยการเข้าซื้อสินทรัพย์เพื่อเดินหน้าธุรกิจ Food & Beverage ตามแผน ทั้ง BEAM Club, BEAMCUBE และ Beer Belly สถานที่แฮงก์เอาต์ยอดนิยมใจกลางเมือง OKONOMI และ Yuji Ramen ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังจากนิวยอร์ก และ Mom’s Touch ร้านเบอร์เกอร์และไก่ทอดเกาหลี รวมทั้งหมด 14 แห่ง การซื้อสินทรัพย์ดังกล่าวรวมมูลค่าทั้งสิ้น 235 ล้านบาท และสัญญาเช่าพื้นที่ร้านมูลค่า 185 ล้านบาท โดยร้านอาหารและสถานที่แฮงก์เอาต์ ให้บริการสอดรับกับเทรนด์และความสนใจของผู้บริโภคคนรุ่นใหม่ มีศักยภาพในการเติบโตสูง
“ร้านทั้งหมดที่ GIFT เข้าซื้อมีคุณภาพและมีประเภทอาหารที่หลากหลาย อยู่ใน Prime Location แบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก กลุ่มที่ 1 ร้านแฮงก์เอาต์ 3 แบรนด์ ได้แก่ BEAMCUBE, BEAM Club, Beer Belly นิยมในหมู่คนไทยและต่างชาติ โลเคชันใกล้แหล่งท่องเที่ยว-โรงแรม เข้าถึงลูกค้าเป้าหมาย กลุ่มที่ 2 OKONOMI ร้านอาหารญี่ปุ่น 2 แบรนด์ ได้แก่ OKONOMI และ Yuji Ramen มีเมนูพัฒนาโดยเชฟชื่อดังจากเมืองบรูกลิน มหานครนิวยอร์ก โลเคชันใจกลางเมือง ตั้งอยู่ในศูนย์การค้าชั้นนำ เดินทางสะดวก และกลุ่มที่ 3 Mom’s Touch ร้านอาหารเกาหลี ร้านแฟรนไชส์ไก่ทอดเกาหลีและเบอร์เกอร์ต้นตำรับจากประเทศเกาหลีใต้ สอดรับเทรนด์อาหารเกาหลีที่กำลังเป็นที่นิยม”
“โชติ” บอกอีกว่า ส่วนกลุ่มธุรกิจ Hospitality, Wellness & Beauty เล็งเห็นว่าคนรุ่นใหม่หันมาดูแลตนเองมากขึ้น โดยมองหาตัวช่วยในการคงความอ่อนเยาว์ให้นานที่สุดหรือชะลอวัย ซึ่งตลาดศัลยกรรมความงามเป็น Red Ocean ที่มีศักยภาพเติบโตสูง มีโอกาสและแผนขยายธุรกิจภายในไตรมาส 3 ของปี 2567
“การทำธุรกิจคือการมองหาโอกาส สิ่งสำคัญคือโฟกัสไปที่ปัจจัยพื้นฐาน กุญแจหลักของธุรกิจที่จะทำให้ประสบความสำเร็จได้คือ เรื่องโปรดักส์กับแบรนด์ดิ้งต้องชัดเจน และต้องเป็นธุรกิจที่มี High Margin, Scale up ได้ ไม่ถูกถูกดิสรัปต์ และไม่เหนื่อยฟรี”
รวมทั้งการทำงานในระบบหลังบ้านของบริษัทก็เช่นเดียวกัน เพราะเป็นเหมือนฟันเฟืองที่ผู้บริหารต้องมองเห็นให้ชัดเจน และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ GIFT มีรายได้ปี 2566 รวม 806 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 577% จากปี 2565 และปี 2567 หากดำเนินการตามธุรกิจได้ตามแผนที่วางไว้ จะมีรายได้ประมาณ 2,700 ล้านบาท และเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2568 ถือเป็นนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่อนาคตสดใสมาก