ยังทำสถิติใหม่ต่อเนื่องเป็นรายวัน ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ของไทยผ่านหลักหมื่นคนมาหลายวันแล้ว และยังอยู่ในช่วงกราฟขาขึ้น โดยเมื่อวันที่ 19 ก.ค. 2564 อยู่ที่ 11,784 ราย ทับถมลงบนบ่าระบบสาธารณสุขที่แบกไว้เต็มกลืนอยู่แล้ว
ขณะที่ทางการยกระดับมาตรการขึ้นต่อเนื่องหลายระลอก นับแต่ประกาศปิดแคมป์คนงาน เมื่อ 26 มิ.ย.2564 ต่อด้วยมินิล็อกดาวน์ -งดออกนอกบ้านกลางคืน ในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และจังหวัดชายแดนภาคใต้ และล่าสุดให้ Work From Home-WFH 100 % ลดการเดินทางให้มากที่สุด สะท้อนว่า มาตรการก่อนหน้าเอาไม่อยู่
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. เรียกร้องสังคมทุกภาคส่วน ร่วมมือเข้มงวดมาตรการด้านสาธารณสุข ให้มีคนป่วยน้อยที่สุด เพื่อกดตัวเลขผู้ติดเชื้อที่พุ่งเป็นติดจรวดให้กดหัวลดน้อยลง
ทั้งนี้ ได้ยกคาดการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด -19 ที่คณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ติดตามศึกษาตั้งแต่ต้นถึง 17 ก.ค. 22564 กรณีแย่ที่สุด ไม่ทำอะไรเพิ่มไม่มีมาตรการใหม่ จะมีเคสผู้ป่วยติดเชื้อใหม่รายวันถึง 31,997 ราย แต่ถ้ามีมาตรการแล้วคุมได้ดีจะอยู่ที่ 9,018-12,605 รายต่อวัน
ด้านการวิจัยของธนาคารกรุงศรี ศึกษาผลการระดมฉีดวัคซีนเพื่อควบคุมโรค ชี้ว่า หากเดินหน้าฉีดวัคซีนได้ดี และมีวัคซีนมาได้ตามกำหนด คือ ในช่วงไตรมาส 4 แผนภาพการติดเชื้อโควิด-19 จะยังคงไต่ขึ้นในช่วงเดือนส.ค. และก.ย. โดยมีโอกาสสูงขึ้นถึง 15,000 คนต่อวัน แต่ถ้าหากฉีดวัคซีนได้น้อย จะมีผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นไปไดถึงวันละ 22,000 คนได้ในช่วงดังกล่าว
ขณะที่แนวรบด้านการจัดหาวัคซีนก็มีทั้งข่าวดีและร้าย ข่าวร้ายคือวัคซีนแอสตร้า เซนเนก้าที่เคยวางแผนว่าจะได้เดือนละ 10 ล้านโดส เพื่อฉีดเข็มแรกให้คนไทยได้ครบ 70% ภายในไตรมาส 3 และเริ่มเข็ม 2 จบในไตรมาส 4 ส่งมอบได้จริงแค่ครึ่งเดียว ต้องเลื่อนแผนไปถึงกลางปีหน้า ข่าวดีคือกระทรวงสาธารณสุขลงนามจัดซื้อวัคซีนกับบ.ไฟเซอร์ 20 ล้านโดส แต่นัดส่งมอบไตรมาส 4 และมีดีลจัดหาอีกหลายราย แต่ยากที่จะได้ทันที
เป็นที่ยอมรับตรงกันว่า ช่วง 2 เดือนจากนี้ คือ ช่วงชี้เป็นชี้ตายศึกกับเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ ว่าคนไทยจะร่วมแรงร่วมใจ “หยุดเชื้อเพื่อชาติ” เปลี่ยนสถานการณ์จากที่ถูกเชื้อไวรัสรุกไล่แทบจนมุม มาตั้งหลักยันการบุกโดยดึงตัวเลขผู้ติดเชื้อลงได้หรือไม่
เมื่อการระดมวัคซีนยังมีจำกัด ก็เหลือแต่การร่วมแรงร่วมใจไทยทั้งชาติ ช่วยกันยกการ์ดสูง “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ” เช่นที่เคยสำเร็จมาแล้วเมื่อเม.ย.2563 กันอีกครั้ง เพื่อรักษาชีวิตเพื่อนร่วมชาติไว้ให้ได้มากที่สุด