เวลานี้ผู้คนในโซเชียลตกตะลึงกับการกินและการขายกระเพาะปลาตากแห้ง อันเปนกระเพาะอย่างว่ากระเพาะแท้ แบะออกมีเส้นสายหลอดอาหาร มิใช่กระเพาะ อย่างหลอดลมพองปอดของปลาที่งัดออกมาทอดพองๆ ยามจะกินต้องต้มรีดในน้ำขิงแก่ให้หมดน้ำมันแล้วต้มราดน้ำปรุงเหนียวข้นเข้าแป้งมัน
อันตำรับปอดปลาที่ว่านี้ บ้านที่ลำบาก ผสมไข่นกกระทาลงไป ใส่หน่อไม้ฝาน ยัดเลือดไก่ก้อน เพิ่มปริมาณ แล้วเอามาราดบนเส้นหมี่ขาวลวก กินเอาอิ่มกับพริกตำน้ำส้มจี๊ดจ๊าด
บ้านที่ไม่ลำบาก กินซื่อๆ ด้วยเนื้ออกปูฉีก หาไม่มีฉีกเนื้ออกไก่เปนแสร้งว่า หยดน้ำส้มดำหมักร้อยปีในนามมีว่า จิ๊กโฉ่ว_ให้รสเปรี้ยวชื่น โรยผักชี (ถ้าไม่มีปู) ตบพริกไทยขาวป่นบางๆ รสชาติคมคาย
ดังเคยได้กล่าวได้นานแล้วเรื่องในอดีตของพวกจีนโพ้นทะเล เขาเหยียดกันอยู่ในทีด้วยกับข้าว พวกฮกเกี้ยนมณฑลใหญ่ใช้เงินมือเติบเพราะเปนเมืองทะเลเศรษฐกิจคล่องตัว ได้ปูทะเลก้ามเป่งเนื้อมันย่อง เอามาลวกน้ำมันพอเนื้อตึงแล้วผัดโดยซื่อกับต้นหอม ยามจะกินตักข้าวสวยหุงเรียงเม็ดใส่ถ้วยตั้งโต๊ะปูผ้าขาว พวกเเต้จิ๋วผัดปูม้าใส่ต้นหอมไม่พอ ตอกไข่เป็ดไข่ไก่ใส่ลงไปด้วย นัยยะว่า ปูหายากไม่มีเนื้อหนังเดี๋ยวกันกินไม่อิ่ม55
เศรษฐีฮกเกี้ยนเหล่มองและรำพึงข้อความข้างต้นออกมาในใจ 55
กระเพาะปลานี่ก็เช่นกัน ที่เห็นตัวละหมื่นแสนล้านนั่น ท่านว่ากินอร่อยไม่พอ_กินเปนยา ยาบำรุงเลือดอย่างว่าโป๊ว คนไทยฟังแล้วไม่เข้าใจว่าโป๊เปลือยหรือมิใช่ กระไรดี?
ก็ต้องเรียนว่ามันก็คล้ายๆคลึงๆกันนั้นแหละ บุรุษเพศชายฝ่ายจีนนั่นเขาหมายใจว่าคนเราจะแก่หงำเพียงใดบุรุษชาติอาชาไนยจะยังต้องมีพิษสงไปจนวันลงโลง พิษอันนี้มันร้ายนัก สามารถอัดฉีดผลิตทายาทได้ ถ้าว่าเซื่องซึมหงอยหงิก พิษมันจะฉีดไม่ออกต้องโป๊วบำรุง
กระเพาะปลานั้นท่านเรียก ฮื่อเผีย เปนของกินบำรุงเอ็นพอๆกับ ฮื่อฉี่_หูฉลาม ทว่าวิธีกินแตกต่างกันอยู่มาก
อันดับเเรกต้องไปเสาะหา กระเพาะชนิดวิเศษ_กิมกี่เมี่ยงฮื้อ เอามาให้ได้ จะหมื่นแสนพันล้านต้องจ่ายไป ยิ่งเก่ายิ่งดี เพราะปลาวิเศษชนิดนี้มันกินแต่ของดีๆอยู่ในทะเลยุคที่มลภาวะยังไม่มาเยือน ได้มาแล้วเอาใส่ตู้ไม้ชิงชันลั่นดาลคล้องกุญแจเสียให้เรียบร้อย เก็บของดีไว้ก่อน
จากนั้นเดินไปโรงรถ สตาร์ทรถ โรลสรอยซ์ ซิลเวอร์สเปอร์ ประจงขับเสียเองให้โลกรู้ว่าเรายังมีกำลังวังชา ออกไปเสาะหาซึ่งโสมคน_หยิ่งเซียม เลือกที่มันมีครบทั้งแขนขาหัว ให้ออกเปนรูปคนรูปร่างงามๆโสมเกาหลีไม่เอา โสมรัสเซีย โสมซานฟรานไม่เอาเอาที่ขึ้นบนเขาตักปักโป้ว แผ่นดินแม่ควักทองแท่งในไถ้แลกโสมนั่นมาเสีย หลายๆแท่ง แล้วให้เถ้าแก่ร้านโสม งัดเอาใบมีดวิเศษ_เจียงตอใบคมกริบหนาหนักมาเจียนโสมให้เปนแผ่นได้รูป แบ่งบางส่วนมาต้มน้ำฝนสะอาดๆไฟรุมสักสองชั่วโมงเทออกมาจิบล้างคอพอสบาย
ขับรถกลับมาบ้านแล้วไขกุญแจงัดเอา กิมกี่เมี่ยงฮื้อ กระเพาะปลาวิเศษออกมา เอาใส่รถไปให้เขาเจียนด้วยเจียงตออีก ออกมาเปนชิ้นๆ สวยงามกริบคม
กลับมาบ้านอีกทีแล้วประสมชิ้นกระเพาะปลากับชิ้นโสมคนเข้าด้วยกันลวกน้ำเดือดจัดๆทำความสะอาด เทน้ำนั่นทิ้งไป จากนั้นจับตุ๋นในหม้อกระเบื้องบนไอน้ำร้อน สุมไฟรุมเรื่อยไปหนึ่งคืนหนึ่งวัน หมั่นเติมน้ำใต้หม้อตุ๋นมิให้แห้ง เติมไฟอย่าให้ขาด
ตั้งนาฬิกาแล้วตื่นตีสอง ขับรถคันเดิมไปตรอกเล่งบ้วยเอี้ยะ เอาหมูชิ้นชนิดเพิ่งเชือดเนื้อเต้นริกๆมาผูกนึงได้หมูนั้นมาแล้ว_อย่าล้าง ใช้ผ้าขนหนูสะอาดชุบ_เช็ด_ซับแห้ง แล่แล้วซับ แล่แล้วซับ จับเช็ด เอามาหั่นสับพอละเอียดติดก้อน ใส่ลงไปในหม้อกระเพาะปลาและโสมคนนั้น ปรุงซีอิ้วขาวซึ่งหมักจากเมล็ดถั่วดำแล้วปิดฝา
ตะวันเบิกฟ้าก็เชิญออกมากิน โดยซดน้ำใสๆในถ้วยเสียก่อน_ให้โล่งคอ รับประทานบำรุงดึ๋งดั๋งโดยเฉพาะวันฝนตกและหน้าหนาว
ปวงผู้เฒ่าเฉาพิษเหล่านี้ โดยปกติถ้าตุ๋นของดีแล้วจักมีเทียบเชิญ เรียกหาชวนเราเข้าไปกิน ข้อห้ามยามไปร่วมโต๊ะเจี้ยะโป๊วกับเหล่าเขา อย่าเด็ดขาดคือ ห้ามสั่งหรือนำขึ้นโต๊ะด้วยไชเท้า, น้ำส้มสายชู, ผักกาดขาว เขาจะเหล่มองมาด้วยว่าเราไม่รู้ธรรมเนียมโอชา ด้วยว่าของสามสิ่งนี่มันมีพิษหนักหนา พิษของมันมีว่ามันล้างฤทธิ์ยาอุตส่าห์โป๊ว!
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 หน้า 17 ฉบับที่ 3,705 วันที่ 15 - 18 สิงหาคม พ.ศ. 2564