ค่าใช้จ่ายยามชราของชาวจีน

03 ก.ย. 2564 | 23:30 น.

คอลัมน์ชีวิตบั้นปลายของชายชรา โดยกริช อึ้งวิฑูรสถิตย์

หลังจากที่ผมได้เขียนเรื่องทรัพย์ที่จำเป็นต้องเตรียมไว้ในยามที่เราชราภาพแล้ว ควรจะต้องมีทรัพย์สินที่ต้องเตรียมไว้ใช้จ่าย เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระของลูกหลาน ที่ผมแนะนำน่าจะต้องเป็นทรัพย์ที่ไม่เสื่อมค่าในระยะยาว ก็มีผู้ที่สนใจได้ส่งไลน์เข้ามาคุยกับผม เขาได้ให้ความเห็นว่า เขาเห็นด้วยกับผมที่จะหาอสังหาริมทรัพย์ไว้ในการครอบครอง น่าจะมีประโยชน์มากกว่าหลักทรัพย์อื่นๆ แต่ที่น่าจะเก็บมากที่สุดในอสังหาริมทรัพย์ คือ “ที่ดินเปล่า” เพราะว่าหากเป็นบ้านหรือคอนโดมิเนียม ก็จะมีค่าเสื่อมเกิดขึ้นทุกๆ ปี ผมกลับคิดต่างว่า หากเป็นทรัพย์ที่มีสิ่งปลูกสร้างอยู่ ควรจะต้องทำให้สิ่งปลูกสร้างนั้นสร้างเม็ดเงินให้เรา เพราะถ้าหากการสร้างรายได้จากการทำประโยชน์อื่นๆ ได้ เช่นปล่อยเช่าหรือเอาไปทำประโยชน์อื่นๆ ได้ เอาแค่เป็นรายได้ที่สามารถครอบคลุมถึงดอกเบี้ยเงินกู้ได้ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ถ้าสามารถได้มากกว่านั้นก็ดีมากเลย แต่ไม่ควรจะมีรายได้ต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินกู้นะครับ ส่วนที่ดินเปล่า ผมก็เป็นห่วงเรื่องของภาษีที่ดินที่ทางภาครัฐกำลังมีนโยบายจัดเก็บอยู่ ดังนั้นทุกอย่างต้องตัดสินใจเองครับ ลางเนื้อชอบลางยาครับ

อีกคำถามหนึ่งที่เข้ามาคือ ถามว่าที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ค่าใช้จ่ายที่ทางสถานบ้านพักคนชราเขาจัดเก็บกันประมาณเท่าไหร่? คนถามก็คงจะอยากรู้เพื่อเปรียบเทียบกับประเทศไทยเรากระมัง ต้องตอบว่าเท่าที่ผมได้ไปเยี่ยมชมมา ในแต่ละมณฑลเขาจะเก็บต่างกัน โดยจะอยู่ที่ประมาณ 5,000 หยวนถึง 23,000 หยวนครับ ถ้าเป็นเงินบาทก็คงต้องคูณด้วย 5 บาทโดยประมาณ ซึ่งแต่ละที่เขาจะมีการเก็บที่ต่างกันนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการให้บริการและกลุ่มเป้าหมายที่เข้ามาพักเป็นสาเหตุหลักๆ แต่แทบจะทุกแห่ง เขาจะเก็บค่าบริการเสริมกันแทบจะทุกเม็ดเลยครับ เช่น ค่าพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล เก็บกัน 50 หยวนต่อชั่วโมง หรือสูงสุด 300 หยวนต่อวัน ค่าพาออกไปเดินเล่นในสวน ค่าพาไปห้างสรรพสินค้า ก็ราคาเดียวกัน และยังมีค่าตรวจสภาพร่างกายแต่ละครั้ง เขาก็เก็บเพิ่มอีกครั้งละ 300 หยวน นอกจากคนชราที่ตรวจเมื่อตอนที่จะเข้ามาพักใหม่ๆ เขาจะตรวจให้ฟรีครับ ส่วนค่าของใช้อื่นๆ ที่จำเป็น จะซื้อหาจากร้านสวัสดิการของสถานบ้านพักคนชราเลยก็ได้ ราคาก็จะแพงกว่าข้างนอกบ้างเล็กน้อยครับ 
       

อย่างไรก็ตาม การบริการของเขาหากผู้เข้าพักไม่ได้มีการใช้บริการเสริม ก็จะไม่มีอะไรเพิ่มเติมจากที่เขาตั้งไว้ แต่สิ่งที่เขาให้บริการก็จะเพียงพอแก่การดำรงชีวิตได้ครับ อีกทั้งการจัดโปรแกรมของแต่ละวันของเขา เท่าที่ผมสังเกตอ่านดู เมื่อเทียบกับสถานบ้านพักคนวัยเกษียณที่ญี่ปุ่น ก็จะด้อยกว่ากันเยอะมากเลยครับ เพราะที่จีนเขาจะเน้นไปที่การออกกำลังกาย การกายภาพบำบัด ที่เขาจะเน้นไปที่ร่างกายมากกว่า แต่ที่ญี่ปุ่น เขาจะเน้นไปที่การเล่นเกมส์ กิจกรรมเสริมทักษะต่างๆ การดูแลความเป็นอยู่ แต่แน่นอนว่ากายภาพบำบัดและการออกกำลังกาย ก็มีอยู่เช่นกัน แต่เท่าที่สังเกต ส่วนตัวผมคิดว่า ญี่ปุ่นเขาจะเน้นทางด้านจิตใจมากกว่าร่างกายครับ ดังนั้นทั้งสองประเทศจะแตกต่างกันมากๆ ครับ 

ที่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน อีกมณฑลหนึ่งที่ผมมีโอกาสไปเยี่ยมชมบ้านพักคนชรา คือที่เมืองเซิ่นเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง ครั้งนั้นไม่ได้ตั้งใจจะไปดูงานด้านนี้ เพราะผมไปเพื่อจะไปซื้ออุปกรณ์ก่อสร้าง โดยเฉพาะไฟฟ้าที่เขตกู่เจิ้น เมืองจงซาน และไปขายข้าวให้กับผู้ซื้อข้าวสารที่เป็นลูกค้าประจำ แต่พอไปถึงที่นั่น ลูกค้าเขาก็เล่าถึงบ้านพักคนชราที่ในเขตเมืองให้ฟัง ผมเลยขอให้เขาพาไปเยี่ยมชม ครั้งนี้ก็เหมือนหลายๆ ครั้งที่เคยเห็นในประเทศจีน สภาพของการอยู่อาศัยของเขาแตกต่างจากที่เคยไปดูมาไม่มาก ห้องพักที่อยู่ตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไป หน้าต่างทุกบาน เขาจะทำกรงเหล็กไว้หมด ผมถามว่าทำไมต้องมีกรงเหล็ก เวลาเกิดอุบัติเหตุเพลิงใหม้ จะไม่อันตรายเหรอ? เขาบอกว่าที่ทำกรงเหล็ก เพราะผู้สูงอายุบางคนอาจจะมีความเครียดมากๆ เคยมีการกระโดดออกมาทางหน้าต่างเพื่อไม่อยากอยู่ในโลกนี้ต่อไปมาแล้ว จึงต้องทำเพื่อป้องกันไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เราคาดไม่ถึงจริงๆ ที่ผมเห็นว่าเขามีการบริการที่ดีมากๆ อีกอย่างหนึ่ง คือห้องตรวจสมรรถภาพของผู้ที่จะเข้ามาพัก เขาจะตรวจก่อนเข้าพัก เพื่อได้ทราบถึงสภาพร่างกายของผู้ที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกในบ้านพักคนชรา ว่าแต่ละคนมีขีดความสามารถในการช่วยเหลือตนเองแค่ไหน ซึ่งเครื่องไม้เครื่องมือเขาจะเรียบๆ ง่ายๆ แต่ก็สามารถบ่งบอกถึงผลลัพธ์ที่ได้อย่างชัดเจน เท่าที่ผมสังเกตดู เขาใช้เครื่องมือที่ใช้ในห้องครัวและในบ้านง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรไกร ฆ้อนทุบตะปู มีดตัดหญ้า หรือแม้กระทั่งบันได เก้าอี้นั่งถ่าย มาจัดเป็นหมวดหมู่ง่ายๆ แต่ก็น่าจะได้ผลบ่งบอกที่ชัดเจนนะครับ ส่วนค่าใช้จ่ายของการเข้าพักที่นี่ ก็อยู่ประมาณ 20,000 หยวนต่อเดือน เรียกว่าคนที่ฐานะไม่ดีมาก คงมาพักที่นี่ไม่ได้เลยครับ
               

อาทิตย์หน้า ผมจะเอาบ้านพักคนชราที่ไต้หวันมาเล่าให้ฟังนะครับ เพราะว่าก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่น่าสนใจมากครับ