เงาดำ ...อาละวาด

10 ก.ย. 2564 | 01:00 น.

คอลัมนเมาธ์ทุกอำเภอ

*** คณะกรรมการ กนง. มีมติไม่เป็นเอกฉันท์ 4 ต่อ 2 เสียง ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% ต่อปี มองกันว่า จะมีการปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ภายในปีนี้ จากภาวะเศรษฐกิจของประเทศ ฟื้นตัวช้ากว่าที่ควรจะเป็น จากการระบาดโควิดสายพันธุ์เดลตา รวมถึงตัวเลขฉีดวัคซีน ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ลากยาวเศรษฐกิจ
 

กรณีขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลเงินบาทอ่อนค่าลง กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ได้เปรียบในการแข่นขันทางการค้า โดยเฉพาะการส่งออก และภาคท่องเที่ยว... แต่การลดดอกเบี้ย ส่งผลให้เงินทุนต่างชาติชะลอการไหลเข้า
 

หากมองไปที่กลุ่มหุ้น ที่ได้รับอานิสงส์ในเชิงบวก ก็จะเป็นหุ้นในกลุ่มลีสซิ่ง ธนาคารเล็ก อสังหาฯ และส่งออก เช่น MTC, SAWAD, TIDLOR, KKP, TISCO, SPALI, LH, LALIN, NER, TU, AH ส่วนกลุ่มหุ้นที่จะได้รับผลกระทบในเชิงลบก็จะเป็นหุ้นธนาคารใหญ่และประกัน เป็นต้น    
 

การอ่อนค่าของเงินบาท ทำให้ TU ผู้ส่งออกอาหารทะเลได้อานิสงส์ไปด้วยเต็มๆ รวมทั้ง ASIAN โดดเด่นไม่แพ้กัน ทั้งนี้ภายหลังจากที่ได้เปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจมาเน้นกลุ่มอุตสาหกรรม High growth และ Margin สูง คือรับจ้างผลิต (OEM) อาหารสัตว์เลี้ยง และกลุ่มสินค้ามูลค่าเพิ่ม เช่น กุ้ง/ปลาหมึกชุบแป้งทอด (VAP) ได้สำเร็จส่งผลให้ ASIAN มีทิศทางการสร้างรายได้และกำไรมีความชัดชัดเจนมากยิ่งขึ้น 

*** กรณีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของ ASAIN ไม่ต่างไปจากสิ่งที่ EA เคยทำมาแล้ว จากผู้ผลิตและขายไฟฟ้า สู่โรงงานผลิตแบตเตอรี่, โรงงานผลิต-ประกอบ รถยนต์-เรือ ไฟฟ้า ทำให้มุมมองของนักลงทุนที่มีต่อ EA เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ASIAN ก็เช่นเดียวกับ EA 
 

*** ดูเหมือนว่า การที่เน็กซเตอร์ เวนเจอร์ส (Nexter Ventures) บริษัทลูกของ SCC ซื้อบิ๊กล็อตจากกลุ่มผู้บริหารของ TEAMG จำนวน 67.32 ล้านหุ้น หรือ 9.9% เฉลี่ย 2.54 บาท/หุ้น มูลค่ากว่า 171 ล้านบาท ไม่ใช่แค่การลงทุนหาส่วนต่างราคาหุ้น แต่นโยบายการทำธุรกิจของ SCC เปลี่ยนจากเดิม เป็นแค่ผู้ขาย Product เป็นผู้ขาย Solution มากขึ้น โดยเฉพาะงานโซลูชั่นด้านก่อสร้าง ใช้โปรแกรม BIM ร่วมมือพัฒนาโครงการที่ใช้นวัตกรรมที่เป็นประโยชน์กับสิ่งแวดล้อม ซึ่งการเข้ามาถือหุ้นใหญ่จะทำให้โอกาสให้เกิดการลงทุนร่วมกันระหว่าง TEAMG และ SCC ในอนาคตที่มากขึ้น
 

เจ๊เมาธ์แนะนำว่า จากนี้ไปต้องจับตาให้ดี  วันดีคืนดี SCC อาจเพิ่มการลงทุนใน TEAMG มากขึ้น เหมือนที่ SCC หนุน GLOBAL จากรายได้หลักพันล้าน กลายเป็นหมื่นล้าน เรื่องแบบนี้ก็อาจจะเกิดขึ้นกับ TEAMG ในอนาคตบ้าง ก็เป็นได้

*** การโอนย้าย Lotus’s ในกลุ่มซีพี สู่ร่มการบริหารของ MAKRO แค่การโยกจากซ้าย ไปขวา ของ “เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์” เปลี่ยนตัวละคร ให้แมคโครฯ เพิ่มทุน เพิ่มสภาพคล่อง ภายหลังการเพิ่มทุน สัดส่วนผู้ถือหุ้นของ MAKRO เปลี่ยนไปดังนี้ 1. CPALL จาก 93.08% เป็น 65.97% 2. CPH จาก 0% เป็น 20.43% 3. CPM จาก 0% เป็น 10.21% ขณะที่ผู้ถือหุ้นรายย่อย ถือหุ้น 3.39%

การเดินเกมของกลุ่ม CP ในรอบนี้ มีแต่ได้กับได้ เพียงโยกหุ้นของ Lotus’s ไปมาในกลุ่มก็สร้างมูลค่าและความมั่งคั่งให้กับกลุ่ม CP ได้อีกหลายแสนล้านบาท โดยที่ไม่ต้องทำธุรกิจอื่นใด นอกจากการขยับตัวเลขทางบัญชีเท่านั้นเอง
 

*** ครั้งที่แล้ว เจ๊เมาธ์ ส่งสัญญาณการแจ้งลาออก เปลี่ยนบอร์ดในสี ไดเมท (DIMET) คนเก่าไป-คนใหม่มา เปลี่ยนกรรมการ ประธานกรรมการ และประธานตรวจสอบกันให้วุ่น ถ้าเป็นการล้างบาง เก็บกวาด สิ่งสกปรก ออกไป ได้บ้านใหม่ที่สะอาด เจ้าของบ้านมืออาชีพ มีธรรมาภิบาล บ้านนี้ก็ดูดี
 

เหมือนมีสิ่งผิดปกติ มีเงาดำชั่วร้าย ครอบงำอยู่เบื้องหลัง ชักใยผู้ถือหุ้นอยู่ เจ๊เมาธ์ดูออก จู่ๆ มีการแอบอ้างชื่อ บจ. ออกมาฟ้องสื่อแห่งหนึ่ง 50 ล้านบาท ไม่ทันข้ามวัน ประธานกรรมการตรวจสอบ (รักษาการ ) ออกมาปฏิเสธการฟ้องร้อง และขอโทษที่ทำให้สื่อค่ายนั้น เสียหาย
 

...เจ๊เมาธ์ต้องชม ประธานคนนี้คนที่ชื่อ “วรดิศ” มีสปิริต ลูกผู้ชาย ตัวจริง ถูกแอบอ้างชื่อบริษัท แล้วต้องมาขอโทษในสิ่งที่ไม่ได้ทำ ไม่เอาตัวให้เงาดำ ครอบงำ...เจ๊ว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลแล้วล่ะ ไม่รู้ว่าจะขจัด “เงาดำ” ชั่วร้ายนี้ ออกไปได้เร็วเท่าไรยิ่งดี บริษัทจะสูงขึ้นทันที
 

...และถ้าเป็นเจ๊เมาธ์นะ จะจัดการคนที่แอบอ้างชื่อบริษัท จะได้ไม่ไปแอบอ้างชื่อบริษัท หรือชื่อคนใหญ่-คนโต ทำพฤติกรรมไม่เหมาะสมกับบริษัทอื่น ต่อไป เพราะรู้มาว่า ตอนนี้เงาดำ ออกอาละวาด อยู่เบื้องหลัง เพราะออกเบื้องหน้าไม่ได้แล้ว  คนวงการเอือมระอา