กบเลือกนาย...ฝรั่งเลือกข้าง

01 ก.ย. 2564 | 02:22 น.

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ By...เจ๊เมาธ์

*** ดูจะเป็นจังหวะที่ลงตัวกันพอดี...จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศมีตัวเลขลดน้อยลงต่อเนื่อง  มาตรการล็อกดาวน์ เริ่มวันที่ 1 ก.ย. ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่  Fed  ประกาศว่า ยังไม่มีนโยบายขึ้นดอกเบี้ยในช่วงเวลาเร็ว ๆ นี้ ถึงแม้ว่าจะเริ่มมีการปรับลดวงเงิน QE ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เม็ดเงินต่างชาติที่กำลังไหลออก เกิดการชะงัก ขณะที่มีเงินแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาอีกครั้ง และหุ้นกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาของนักลงทุนต่างชาติในครั้งนี้ เป็นหุ้นกลุ่มเปิดเมือง เช่น AOT TOP PTT CPALL CRC ERW
 

เจ๊เมาธ์ ต้องการให้มองเรื่องปัจจัยพื้นฐานหุ้นแต่ละตัวประกอบด้วย เพราะถึงแม้จะเป็นหุ้นที่อยู่ในกระแส หรือหุ้นกลุ่มที่ถูกไล่ราคา แต่สุดท้ายเมื่อกระแสจางลงไปแล้ว ราคาจะกลับไปสู่จุดที่ราคาหุ้นควรจะเป็นจริงอยู่ดี 
 

*** การส่ง VGI และ U ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ BTS เข้าไปลงทุนในกลุ่ม JMART เป็นความพยายามชัดเจน บุกตลาดเงินดิจิทัลอีกขั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ BTS ก็ได้เข้าไปลงทุนและจับมือในการทำธุรกิจกับ Xiaomi ซึ่งการจับมือกับ JMART และ SINGER จะทำให้กลุ่ม BTS มีตลาดสินค้าไฮเทคที่มากกว่าอุปกรณ์มือถือที่ครบวงจรมากขึ้น

ขณะเดียวกัน เรื่องนวัตกรรมทางการเงิน ที่มีทั้งแบบเก่า เช่นการผ่อนซื้อสินค้าผ่านทาง SINGER และนวัตกรรมทางการเงินแบบใหม่ อย่างเหรียญดิจิตัล “เจฟินคอยน์” เข้ามาเติมเต็ม ต่อยอดผ่านทาง “Rabbit Card” ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิก 4-5 ล้านราย ซึ่งทาง BTS คาดว่าน่าจะมี 2-3 ล้านราย ที่น่าจะเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เปลี่ยนมาใช้เหรียญดิจิทัลในอนาคต นี่ยังไม่รวมโอกาสที่สินค้าของกลุ่ม JMART น่ามีโอกาสที่จะได้ใช้พื้นที่ของ BTS ในการกระจายสินค้าเหมือนกับที่ VGI ใช้พื้นที่ของ BTS ในการติดป้ายโฆษณา โดยทาง BTS จะได้รับทั้งค่าเช่าพื้นที่และส่วนแบ่งรายได้จากการเป็นผู้ถือหุ้นไปด้วยถึง 2 ทางไปเลยในที่เดียว
 

*** ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจ..หรือเป็นความโชคดี เพราะถ้าเป็นความตั้งใจก็ต้องบอกว่า นี่เป็นเกมการเงินที่ไม่ธรรมดา เพราะเพียงแค่ไม่กี่วันหลังจากที่ GULF ใช้เงินจำนวน 4.86 หมื่นล้าน  ซื้อหุ้นจนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ INTUCH ในสัดส่วน 42.25% ราคาหุ้นของ GULF ถูกดันปรับขึ้นมาถึง 20% 
 

ขณะที่หุ้น INTUCH ถูกดันขึ้นมาถึงเกือบๆ 30% ด้วยเรื่องข่าว “โคมลอย” ที่เกี่ยวข้องกับการที่ทาง ADVANC อาจจะตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน หากคิดเป็นเงินจะพบว่า ในส่วนของ GULF มีมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 7.5 หมื่นล้านบาท 
 

ส่วนทาง INTUCH มีมูลค่าหุ้นซึ่งคิดเอาเฉพาะส่วนที่ GULF ถืออยู่ 42.25% สามารถคิดออกมาเป็นเงินกว่า 2.7 หมื่นล้านบาทเลยทีเดียว ยังไม่รวมเงินปันผลของการเข้าไปถือหุ้น INTUCH อีกราวๆ 1.14 พันล้านซึ่ง GULF จะได้เป็นของแถม 

ดังนั้นการที่ GULF เข้าไปถือหุ้นใหญ่ใน INTUCH รอบนี้จึงไม่ต่างจากการได้หุ้น INTUCH มาแบบฟรีๆ เพราะถ้าคำนวณมูลค้าหุ้นที่เพิ่มขึ้นของทั้ง GULF และ INTUCH รวมกับรายได้จากเงินปันผลก็จะพบว่ามีมูลค่าหุ้นที่เพิ่มขึ้นรวมแล้วเกือบๆ แสนล้านบาทเลยที่เดียว และถ้าหากนี่คือความตั้งใจ ต้องบอกว่า “ของเสี่ยกลาง “สารัชถ์ รัตนาวะดี”เป็นโคตรเซียนของจริงเจ้าค่ะ
 

*** เห็นราคาวิ่งแรงก็อย่าได้รีบลุกตามไป เพราะหุ้นตัวร้อน IRCP (อินเตอร์เนชั่นแนล รีเสริช คอร์ปอเรชั่น) การไล่ราคาแบบนี้ขึ้นได้ง่ายและไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลอะไรมารองรับทั้งสิ้น แม้ว่าในไตรมาสที่ 2/64 ที่ผ่านมาบริษัทจะมีกำไรถึง 31.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 944.06% จากไตรมาส 2/2563 อยู่ที่ 2.98 ล้านบาท แต่ว่าโดยภาพรวมแล้ว ในปี 64 พบว่า IRCP ยังขาดทุนอยู่ 15 ล้านบาท
 

ส่วนหนึ่งเพราะสภาพคล่องมหาศาล ที่ถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยมีสัดส่วนในการถือหุ้น (Free float) อยู่สูงถึง 85.14% และเป็นการถือหุ้นแบบไร้ใบหุ้นถึง 99% ก็เป็นได้ แต่ที่แน่นอนที่สุดคือ หุ้นที่ขยับขึ้นหรือลงแรงๆ แบบไม่มีที่ไปแบบนี้ เป็นหุ้นที่ควรจะระวังให้มากนะคะ เจ๊เมาธ์คิดว่า ถ้ายังไม่แน่พอก็อย่าเข้าไปเสี่ยงดีกว่านะคะ วงการนี้มันโหดร้ายเจ้าค่ะ


*** ไม่ใช่มีเฉพาะคนไทย ที่เป็นกบเลือกนาย แต่ฝรั่งก็เลือกข้าง กับเขาด้วย...เจ๊เมาธ์เฝ้าสังเกตโบรกเกอร์ต่างชาติ ที่อยู่คู่กับตลาดหุ้นไทยมาช้านาน อยู่เป็น เคยส่งออเดอร์ซุกเจ้าแม่สังกัดโบรกเกอร์หัวแดง ทำอะไร เล่นหุ้นยังไง  มีหุ้นในพอร์ตหรือไม่ เฮียขายได้ตลอด ไปส่งออร์เดอร์กับโบรกเกอร์เล็ก ทำไม่ได้นะเจ้าค่ะ แต่ถ้าส่งออร์เดอร์ให้เจ้าแม่-เจ้าพ่อ ปลอดภัยเจ้าแม่-เจ้าพ่อ เป็นเกราะป้องกันให้ได้
 

วันนี้ฟ้าเปลี่ยนสี อำนาจเปลี่ยนไป จากเจ้าแม่ เป็นเจ้าพ่อ เฮียรีบเปลี่ยนหัว เปลี่ยนหาง มาซบอกเจ้าพ่อ วอลุ่มโตวันโตคืนชื่นใจเจ้าพ่อเขาล่ะ…พอได้ย้ายค่าย ออร์เดอร์เจ้าแม่นี่ จากที่เคยอยู่อันดับต้นๆ ต้องพลิกหา หลบไปอยู่หน้า 2-3...ส่วนเจ้าพ่อ วอลุ่มโตวันโตคืนชื่นใจเจ้าพ่อเขาล่ะ มาร์เก็ตแชร์ ผงาดสิจ๊ะ...เจ๊ได้ข่าว มาว่า เจ้าพ่อรับน้องใหม่ ถึงกับออกปาก จะขอตลาดขยายท่อส่งออเดอร์ของฝรั่งเจ้านี้ให้ เวลา rebalancing หรือ เปลี่ยนสัดส่วนการลงทุนในพอร์ต ...เอ่อ เจ๊เมาธ์นี่  เหวอเลย  อย่างนี้ก็ได้ด้วยเหรอ...จะทำอะไร ก็ให้ฝนตกทั่วฟ้า  ไม่งั้นจะเป็นที่ครหา...แล้วให้นึกถึงรายย่อยไว้ อย่าเอาเปรียบรายย่อยมาก ระวัง  “รายย่อยไม่ทน” นะเจ้าค่ะ 
 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,710 วันที่ 2 - 4 กันยายน พ.ศ. 2564