ถัดมาจากตอนก่อนๆพวกเรื่องเครื่องราง ทีนี้ก็มาถึงเรื่องยอดนิยมในทางสังคมวิทยา คือ ความปรารถนาอยากจะรู้อนาคตของมนุษย์ปุถุชน ไม่ว่าจะเรื่องของหายได้คืนเลื่อนยศเลื่อนขั้น คดีความแพ้ชนะรบทัพจับศึก เจ็บหายคลายป่วย ถ้าทราบได้ก่อนก็ถือว่า_เลิศ
ปัญหามีอยู่ว่าแล้วจะถามใคร? พูดจาภาษาชาวบ้านก็ต้องว่าถามหมอดู แล้วจะทำอะไรอย่างไง? พูดจาภาษาทั่วไปก็ต้องว่า เออ_นั่นหละ_ไปดูหมอ
อดีตกาลนานมา ตั้งแต่ยุคกรีกซึ่งนับถือบูชาเทพเจ้า มนุษย์สามารถถามเรื่องอนาคตจากท่านเทพเจ้าได้ โดยผ่านนักบวชหญิงซึ่งประจำอยู่ ณ วิหารบูชาเทพเจ้าที่มีชื่อเสียงมากๆคือ วิหารเดลฟีซึ่งเป็นเทพยสถานของเทพเจ้าอะพอลโล เธอจะทำพิธีทำนองเข้าทรงและให้คำพยากรณ์ออกมาแก่ผู้ถาม เรียกคำพยากรณ์นี้ว่า oracle เรียกเทพยสถานที่เดลฟีนั้นว่า the oracle of Delphi
ที่วิหารเดลฟี่นี่ เขามีนักบวชหญิง ซึ่งทรงสมณศักดิ์สูง เรียกเปนทางการว่า the high priestess เวลาจะทำนายนั้นจักต้องนั่งบนเก้าอี้สามขา ซึ่งคร่อมอยู่ตรงรอยแยกสะดือโลก ซึ่งมีอวลไอควันระเหยหอมประหลาดผุดลอยขึ้นมาอวลอยู่
โบราณฝ่ายเทวตำนานกรีกว่าข้างล่างนั้นมีงูใหญ่เปนงูสตรี ได้รับโองการให้มารังควาญการคลอดของเทพอพอลโล โดยไล่ล่าพระมารดาท่านไม่ให้สงบพบจังหวะคลอดได้ แต่ในตำนานอีกเช่นกัน ท่านว่ามหาเทพโพไซดอนทนสงสารไม่ไหวเลยให้มีเกาะหนึ่งผุดขึ้นกลางทะเลรองรับพระมารดาท้องแก่ไว้ งูใหญ่เลื้อยไปไม่ทันการจะผ่าทะเล อพอลโลท่านเลยกำเนิดขึ้นมาได้
ครั้นพอได้เวลาโตขึ้นก็มาสังหารงูใหญ่นี่ที่สะดือโลก งูเน่าได้ที่ก็ส่งไอระหวลขึ้นบนดิน มีกลิ่นประหลาด สูดเข้าไปแล้วงวยงง คงกดระดับสติสัมปชัญญะให้ต่ำ จนต่อมกำแพงกั้นระหว่างโลกเทพกับโลกมนุษย์พังทรุดลง เปนเหตุให้ติดต่อกันกับเทพเจ้าได้ ดังว่า
จากรูปนี้ท่านศิลปิน จอห์น คอลลิเออเขียนไว้ เปนออราเคิล นักบวชสตรีมีสมณศักดิ์ กำลังเข้าจิตออกคำทำนาย นั่งเก้าอี้สามขาคร่อมรอยแยกสะดือโลกอวลควัน แต่ควันนั่นก็เปนเงื่อนไขเเรกๆเท่านั้นมันยังมีเงื่อนไขอื่นอีก เช่นว่าเธอผู้นั้นต้องเปนผู้ได้รับเลือก ต้องถือศีลถืออด ต้องสละสุขส่วนตัว ฯลฯ จึงจักทำหน้าที่ได้
ฝรั่งเรียกผู้มีอำนาจทำนายอนาคตว่า prophet
ส่วนตัวอำนาจที่จะทำนายอนาคตนั้น เรียก prophecy
ทีนี้อำนาจที่ว่าใช้ทำนายอนาคตนั้น_ตัวอำนาจมาจากไหน?
1. มาจากลางสังหรณ์ / นิมิต ดลใจ / เทพเจ้าดลให้ เรียก divine |คนทำนายอนาคตจากอำนาจนี้ เรียก diviner | วัตถุที่ทำหน้าที่ชี้เป้าบอกทางโดยทำหน้าที่ได้เพราะมีอำนาจนี้อยู่ในวัตถุนั้น เช่น ไม้ง่ามที่ชี้แหล่งน้ำใต้ดิน สามง่ามที่ชี้จุดมีศพใต้พื้นที่ในพิธีล้างป่าช้า เรียก divining_rod
2. มาจากพลังอำนาจเหนือธรรมชาติของตนเอง อันนี้เรียกผู้นั้นว่า seer อย่างกรณี นอสตราดามุสและก็ถ้าพระพุทธศาสนามีคำว่า อนาคตังสญาณ คือ ความสามารถหยั่งรู้อนาคต แล้วไซร้ ฝรั่งมีคำใกล้เคียงใช้ว่า auspicious
ท่านที่มีฌาณสมาบัติเหล่านี้ อ่านใจคนได้ (กระทำอาเทสนาปาฏิหาริย์ ตามพระไตรปิฎก) ทายหรือบอกได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นมาแล้ว และทายได้ว่าอนาคตจะมีอะไรต่อไป ฝรั่งมีคำที่ตรงนิยามมากคือ clairvoyant
ส่วนตัวอำนาจที่ทำให้เป็นไปได้ดังนั้นเรียก clairvoyance
ฝ่ายจีนมักเรียกท่านผู้ทำการเช่นนี้ว่า_เซียน ซึ่งหลายครั้งพบว่ามีความสัมพันธ์กับ divine ชนิด serpent ที่เป็นงูใหญ่ ถ้านิวาสสถานของงูใหญ่อยู่ริมน้ำเค็มเช่นทะเล เรียก มังกร ถ้าอยู่ริมแม่น้ำ หรือ บึงใหญ่ เรียกหรือ พญานาค
ต่อมาก็เรื่องโหร
คนเป็นโหร มักทำนายปรากฏการณ์ต่างๆโดยการดูดวงดาวบนท้องฟ้า
อันวิชาดาราศาสตร์ นั้นคือ astronomy | นักดาราศาสตร์ คือ astronomer ท่านอธิบาย_ไม่ทำนาย
แต่วิชาโหราศาสตร์นั้นเขาแยกเอาเรื่องดาวออกมาจำหลักความสัมพันธ์กับความเป็นไปของผู้คน แล้วแสดงออกด้วยการทำนาย เรียกวิชานี้ว่า astrology | ตัวโหราพยากรณ์ เรียก astrologer
แทรกไว้ในที่นี้ว่าฝรั่งเศสโบราณเรียกเรื่องเกี่ยวกับดวงจันทร์ว่า Lunar นั้น ศัพท์มันแปลความว่าบ้า ได้ด้วย ใช้ว่า Lunatic เพราะเขาว่าดวงจันทร์มันมีอำนาจประหลาด ส่องดูแสงนวลแล้วจะเพลิดเพลินหลงไหล ดูมากๆหนักเข้าจะกลายเปนบ้าไป-lunatic
ส่วนหมอดูเป็นคำกลางๆ ฝรั่งใช้เรียกคนที่บอกโชคชะตา ว่า fortune teller ซึ่งผู้นั้นทำนายอนาคตผ่านทางวิทยาการต่างๆที่ตนชำนาญ เช่น ดูลายมือ ลายเท้าดูไพ่ ทายใบไม้
ส่วนที่อ้างตัวว่ามีความสามารถทำนายอนาคตได้แต่ไม่จริงเรียก fraud คำเดียวกับศัพท์กฎหมายว่าฉ้อฉล หากให้เบาหน่อยเรียก imposter คือ คนลวง
นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 หน้า 17 ฉบับที่ 3,713 วันที่ 12 - 15 กันยายน พ.ศ. 2564