*** ตลาดหุ้นทั่วโลก กำลังรอคอยผลการประชุม FOMC วันที่ 20-21 ก.ย. ซึ่งมีแนวโน้มว่า เฟดอาจมีมติในการลดการสนับสนุนมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing: QE) หรือการทำ QE Tapering ในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งการทำ QE จะทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ปรับตัวลง ทำให้เคลื่อนย้ายเงินทุนไปยังแหล่งที่สร้างผลตอบแทนที่ดีกว่า
ขณะเดียวกัน ความร้อนแรงของ บริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ ของประเทศจีน กำลังประสบปัญหา สภาพคล่องทางการเงิน จนผิดนัดชำระหนี้และมีความเสี่ยงล้มละลาย จากมูลหนี้ 10 ล้านล้านบาท หรือ 3.56 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (มากกว่างบประมาณประเทศไทยถึง 3 เท่า) เฉพาะดอกเบี้ย ต้องจ่าย 1.4 แสนล้านบาทต่อปี
กรณีของ “เอเวอร์แกรนด์” สร้างความกังวลว่า อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการเกิดวิกฤติการณ์ทางการเงินของเอเซีย เป็น “เลห์แมน บราเธอร์ส” ของจีน จุดเริ่มต้นซับไพรม์เอเซีย ก่อนจะลามเศรษฐกิจโลกรอบใหม่ ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนขายหน่วยลงทุนออกมาด้วยเช่นกัน...จับตาดูกันให้ดีว่า วันพฤหัสที่ 23 ก.ย.นี้ ทางการจีนจะมีมาตรการ “อุ้ม” เอเวอร์แกรนด์ หรือไม่ อย่างไร ไม่ให้เสียหน้ารัฐบาล “จีน” มหาอำนาจเศรษฐกิจเบอร์ 2 ของโลก
อย่างไรก็ตาม เจ๊เมาธ์มองว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นเป็นแค่ผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น และถ้านักลงทุนจะใช้จังหวะนี้ เพื่อทำการคัดหุ้นดีๆ ในราคาที่ไม่แพงเกินไปได้ก็น่าจะเป็นเรื่องดี แต่บอกไว้ก่อนว่าต้องเป็นหุ้นดีมีพื้นฐานจริงๆ นะคะ...หลุดจากนี้ไปก็อาจจะเจ็บตัวได้เช่นกันเจ้าค่ะ
*** การระบาดของเชื้อไวรัสโควิดทำให้การใช้แอลกอฮอล์เพื่อการฆ่าเชื้อและป้องกันการติดเชื้อทั้งในรูปแบบของเจลล้างมือและสเปรย์ มีปริมาณเพิ่มขึ้น เป็นจังหวะเดียวกัน “อุบล ไบโอ เอทานอล” (UBE) กำลังจะขายหุ้น IPO นำเงินไปต่อยอดกำลังการผลิต ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างมหาศาล รวมไปลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจที่มีอนาคต เช่น การลงทุนสร้างสายการผลิตสารให้ความหวาน (Sweetener) เช่น ไซรัป (Syrup) และ มอลโทเดกซ์ ทริน (Maltodextrin) กำลังการผลิต 300 ตัน/วัน การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแป้งมันสำปะหลัง ลงทุนเครื่องจักรใหม่ เช่น เครื่องโม่ หัวมันสำปะหลัง และเครื่องสลัดแป้ง และรวมไปถึงการลงทุนในโรงสีเชอร์รี่กาแฟและโรงคั่วกาแฟออร์แกนิค
หุ้น UBE จะขาย ไอพีโอ (IPO) ทั้งหมด 1,370 ล้านหุ้น (35%) เปิดจอง 21-23 ก.ย.นี้ ราคา 2.40 บาท/หุ้น เอาเป็นว่าถ้าใครชอบก็จัดไปเลยนะคะ ได้ข่าวว่า งานนี้มีตระกูลดังอย่าง “โค้วสุรัตน์” การันตีคุณภาพด้วยค่ะ
*** ไม่ผิดไปจากที่เจ๊เมาธ์ เคยบอกไปแล้วว่า DELTA จะกลายเป็นหุ้นในตำนาน ที่นักลงทุน “ขาซิ่ง” ต้องจดจำไปจนวันตาย ช่วงขาขึ้น วิ่งแรงจนใจหาย... ช่วงขาลง...สลิงขาด กระแทกปางตาย
สาเหตุที่ DELTA เป็นแบบนี้ มีอยู่เพียงเรื่องเดียว คือ ฟรีโฟลท หรือ หุ้นที่หมุนเวียนอยู่ในตลาด มีน้อยเกินไป ถูกใช้เป็นเครื่องมือปั่นหุ้น ของพวก “เงินทุนหนา” จะลากขึ้นไป “เชือด” หรือ “ตบ” ลงมาเก็บ ลากไปซ้าย ไปขวา ได้หมด ถ้าบริษัท ไม่แก้-เพิ่มฟรีโฟลท เข้ามาในตลาด วังวนนี้ก็จะเกิดขึ้นกับ DELTA ไปตลอดไม่หยุด
เจ๊เมาธ์ได้แต่หวังที่จะเห็น มาตรการควบคุม สกัดการเกิดเหยื่อรายใหม่ๆ เพิ่มมากขึ้นแบบที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้
*** เจ๊เมาธ์ไม่อาจจะบอกได้ว่า หุ้นเรือขนสินค้าประเภทเทกองอย่าง TTA PSL และ RCL เข้าสู่ช่วงของการเป็นขาลงไปแล้วแบบเต็มตัวหรือไม่ แน่นอนว่า ค่าระวางเรือ ที่ขึ้นมามากในรอบหลายปี ทำให้ผลดำเนินงาน 3 บริษัท ปรับตัวดีขึ้น ดังนั้นใครที่สนใจและมองว่า หุ้นเดินเรือกลุ่มนี้ยังมีอนาคต...สิ่งที่ทำได้น่าจะเป็นเรื่องของการถัวเฉลี่ย ให้ต้นทุนต่ำที่สุด เพราะไม่แน่ว่า หลังการปรับฐานราคาครั้งนี้ หุ้นเดินเรือกลุ่มนี้อาจจะกลับมาอีกก็เป็นได้ เจ๊เมาธ์ให้กำลังใจนะคะ ถึงตอนนั้นใครที่ต้นทุนต่ำกว่า ย่อมได้เปรียบแน่นอนค่ะ
*** ดูเหมือน ADVANC ระดับ 200 บาท จะเป็นฐานราคาใหม่ ไปถึงได้ไม่ยากนัก หากมองราคาหุ้นผ่านกราฟเทคนิค กำลังอยู่ในจังหวะของขาขึ้นอย่างชัดเจน เพราะไม่ว่าจะเป็นดัชนีพื้นฐานอย่าง MACD RSI รวมไปถึงราคาหุ้นเฉลี่ยในรอบ 15 145 และ 100 วัน ต่างส่งสัญญาณว่ากำลังเป็นขาขึ้น หากสามารถยืน 200 บาท มีโอกาสไปทดสอบ 205 และ 210 บาท ได้ไม่ยากนัก และแน่นอนว่า เป้าหมายราคา 220 บาท ที่นักวิเคราะห์ให้ไว้ ก็ไม่น่าอยากจนเกินไป เอาเป็นว่า จับตาดูกันดีๆ นะคะ ตอนนี้โอกาสน่าจะมาถึงแล้วค่ะ
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,716 วันที่ 23 - 25 กันยายน 2564