***ปัจจัยเศรษฐกิจทั้งภายในและนอกประเทศเปลี่ยนไปทุกวัน ล่าสุดคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 0.50% โดยคาดการณ์อัตราการขยายของ GDP ในปี 2564 จะอยู่ที่ 0.7% และคาดว่าปี 2565 จะขยับขึ้นเป็น 3.9% ซึ่งกรณีนี้จะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารใหญ่ SCB, KBANK, BBL เนื่องจากเป็นสัญญาณว่า วงจรดอกเบี้ย “ขาลง” กำลังจะสิ้นสุด ขณะเดียวกันก็จะส่งผลให้หุ้นในกลุ่ม Non-Bank อย่าง MTC, SAWAD, TIDLOR, JMT, SINGER, KTC และ AEONTS ก็จะค่อยๆ ฟื้นตามขึ้นมา
ขณะเดียวกัน การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัวเข้าใกล้ 34 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ กลับแข็งค่าขึ้นมาเล็กน้อย ช่วยให้ Fund Flow ชะลอการไหลออก แต่หุ้นส่งออกที่จะได้รับอานิสงส์ในทางบวก เช่นกลุ่มเกษตร-อาหาร อย่าง CPF, TU, ASIAN, NER, HFT, XO และ SAPPE กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่น KCE, HANA, SVI และ SMT
เจ๊เมาธ์ ยังย้ำคำเดิมว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการเลือกมุมมองเท่านั้นนะคะ เลือกดีก็ดีไป...ทางเลือกของเรา มันทำให้ชีวิตเปลี่ยนได้เสมอเจ้าค่ะ
*** การปรากฏชื่อของ SCBX ทำให้หุ้นในกลุ่ม Non-Bank หลายตัวได้รับผลกระทบอย่างหลีเลี่ยงไม่ได้ ดูเหมือนว่า TIDLOR ได้รับผลกระทบมากกว่าหุ้นตัวอื่น แต่สำหรับเจ๊เมาธ์...เจ๊มองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นนี้แทบจะไม่เกี่ยวกับ SCBX หรือบริษัทคู่แข่งในธุรกิจเดียวกันรายอื่นแต่อย่างใด
แต่ปัญหาน่าจะเกิดจากระบบภายในของ TIDLOR นั่นเอง เพราะมีลูกค้าในมือน้อยกว่าบริษัทอื่นทำทำธุรกิจในประเภทเดียวกัน TIDLOR ยังมีปัญหาความล่าช้า ในการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์ม ที่เคยประกาศเป็นจุดขายสำคัญว่าจะสามารถนำมาใช้ได้อย่างครบวงจร ทั้งในระบบประกัน ระบบสินเชื่อ และระบบทวงหนี้ รวมไปถึงเรื่องของการทำ “บัตรติดล้อ” ซึ่งท้ายที่สุดก็เป็นแค่การสร้างความแตกต่าง แต่ไม่สามารถใช้ในการขยายฐานลูกค้าได้อย่างแท้จริง
เอาเป็นว่าถ้าหากว่าถ้าคิดจะหลุดออกมาจากหล่มที่คอยฉุดรั้ง ทั้งผลการดำเนินการและราคาหุ้นจนไม่ไปไหน ผู้บริหารของ TIDLOR อาจจะต้อง “คิดใหม่ทำใหม่” ทำในสิ่งที่เป็นรูปธรรมและสามารถสัมผัสได้อย่างแท้จริงมากกว่าการขาย “ฝัน” หรือขาย “จินตนาการ” ที่ยังจับต้องไม่ได้นะคะ
*** บอกไม่ได้ว่า อนาคตของ DELTA จะร้ายดี มีชัย หรือไม่อย่างไร ข่าวการทบทวนกฎเกณฑ์คำนวณ ดัชนี 50 และดัชนี 100 โดยเฉพาะเกณฑ์ฟรีโฟล เป็นการยืนยันไปในตัวแล้วว่า ราคาหุ้นของ DELTA ยังเดินอยู่บนเส้นทางของการเป็นหุ้นเล่นรอบที่อ่อนไหวมาก
จากนี้ไปก็คงจะต้องมารอดูกันว่า DELTA จะหลุดออกไปจาก SET50 และ SET100 อย่างที่เป็นข่าวลือจริงหรือไม่ เพราะถ้าหากหลุดจริงๆ โอกาสที่ราคาหุ้นจะกลับไปอยู่ที่เดิมก็น่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก และแน่นอนว่าโอกาสของที่นักลงทุนที่ติดดอยอยู่สูงๆ จะหลุดออกจากดอยก็เป็นเรื่องที่ยากมากเช่นเดียวกัน
*** เจ๊เมาธ์ แอบคิดว่า การที่ราคาหุ้นของ TRUE ขยับตัวแรงอาจมาจากสาเหตุที่กลุ่ม CP จับมือกับ SCB จัดตั้งกองทุน Venture Capital เพื่อลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีด้านบล็อกเชน, สินทรัพย์ดิจิทัล, Decentralized Finance, FinTech และเทคโนโลยีอื่นๆ ซึ่งน่าจะส่งผลดีกับ TRUE ในฐานะหัวหอกของกลุ่ม CP ที่จะลุยในธรกิจใหม่นี้
แต่ในที่สุด เจ๊เมาธ์ ก็เห็นแล้วว่า การขยับราคาของ TRUE ไม่มีประเด็นใหม่ที่มากไปกว่าประเด็นเฉพาะหน้า เรื่องการดันราคาหุ้นขึ้นมาเพื่อให้หุ้นกู้อายุ 3-7 ปีจำนวน 4 ชุด ที่กำลังจะปล่อยออกมาขายให้ดูน่าสนใจขึ้นเท่านั้น
*** หุ้นดีอย่าง UBE (อุบล ไบโอ เอทานอล) ที่นักลงทุนยังมองธุรกิจไม่ขาด เข้าตลาดหุ้นวันแรก เททิ้งลงมา จนราคาเปิดต่ำจอง 2.40 บาท...แต่ถ้าศึกษาธุรกิจดี ๆ แล้ว จะพบว่า ธุรกิจของ UBE ที่มี 2 ขาธุรกิจ อย่าง แป้งมันสำปะหลัง ออร์แกนิค รายใหญ่ของโลก เป็นสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง ส่งออกไปในยุโรป จีน ญี่ปุ่น สหรัฐ รวมทั้งแป้งฟลาว แป้งเพื่อสุขภาพ ที่จะมาแทนที่แป้งสาลี ที่บางคนแพ้โปรตีน จะหันมาใช้แป้งฟลาว มากขึ้น จะเป็นตัวที่สร้างรายได้ดีในอนาคต
อีกขาธุรกิจ การผลิตเอทานอลเพื่อเชื้อเพลิง ส่วนผสมของน้ำมันดีเซล หรือเบนซิล ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทน้ำมัน อย่าง เชลล์ บางจาก ไทยออยล์ และที่น่าสนใจมากที่สุดคือ แอลกอฮอล์ น้ำสีฟ้า ๆ เพื่ออุตสาหกรรมที่นำไปเป็นส่วนผสมของเจลล้างมือ น้ำยาฆ่าเชื้อโรค UBE เป็นรายใหญ่ที่ส่งเข้าโรงงานอุตสาหกรรม... เมื่อธุรกิจที่มีรายได้อย่างน้อย 2 ทาง เป็นการกระจายความเสี่ยง แล้วราคาหุ้นต่ำจองแบบนี้ เจ๊เมาธ์ไม่คิดมากนะ ถ้าจะเข้าไปลงทุน มองราคาช่วง 12 เดือนข้างหน้า โบรกเกอร์ให้เป้าราคาไว้สูงสุด 3.50 บาท เฉลี่ยหลาย ๆ ค่าย จะอยู่ที่ 3 บาทเศษ
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,719 วันที่ 3 - 6 ตุลาคม พ.ศ. 2564