+++ สถานการณ์ของ “รัฐบาลลุงตู่” ยามนี้ เจอแต่คนถามกันว่า จะอยู่ครบเทอมหรือไม่ จะยุบสภาเมื่อไหร่ ทำให้หลังการประชุม ครม เมื่อวันที่ 12 ต.ค.2564 ที่ผ่านมา ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกรัฐบาล ซึ่งได้รับมอบหมายจาก ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ออกมาสร้างความมั่นใจ “นายกฯ ไม่มีแนวคิดยุบสภาในวันนี้ รัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาโควิด น้ำท่วม” ส่วนที่มีการพูดไปถึงการอยู่ถึง 5 ปี ของนายกฯ หมายความว่าขอให้ติดตามดูการทำงานของรัฐบาล ทั้งโครงสร้างพื้นฐานการลงทุน โดยเฉพาะอีอีซีจะส่งผลชัดเจนภายใน 5 ปี”
+++ ส่วนคำถามว่า พล.อ.ประยุทธ์ พร้อมเป็นนายกฯ อีกสมัยหรือไม่ และมีความเห็นอย่างไร ที่อาจมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ คนอื่นในนามพรรคพลังประชารัฐ แข่งกับ พล.อ.ประยุทธ์ โฆษกรัฐบาล ตอบว่า นายกฯ ชี้แจงว่า ไม่เห็นได้ยินกระแสข่าวที่ว่า ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่สื่อกล่าวกันไปเองเชิงวิเคราะห์ ทั้งหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐชี้แจงไปแล้วก็จบแล้ว ขณะนี้ยังไม่มีแนวโน้มยุบสภา เลือกตั้งอะไรทั้งนั้น มีแต่การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ขอให้หยุดเสนอข่าวให้สับสนได้แล้ว
+++ ธนกร วังบุญคงชนะ ยังชี้แจงถึงผลการประชุม ครม. ว่า ครม.มีมติรับทราบผลการประชุมคณะกรรมการระดับชาติเพื่อเตรียมการจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค หรือ Asia Pacific Economic Cooperation ซึ่งเป็นกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างเขตเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ปัจจุบันมี สมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจ โดยไทยกำลังจะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพการประชุม APEC ในปี 2565 โดยเป็นการรับช่วงจากประเทศนิวซีแลนด์ ตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.นี้
+++ โดยคณะกรรมการฯ ได้รายงานความคืบหน้า ในการพัฒนาผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและข้อริเริ่ม และโครงการ ภายใต้แต่ละประเด็นสำคัญ ได้แก่ 1.การส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุม ภายใต้แนวทาง BCG Economy 2.การอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน 3.การฟื้นฟูความเชื่อมโยงโดยเฉพาะการเดินทางและการท่องเที่ยวอย่างปลอดภัยและไร้รอยต่อเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโควิด-19 ทั้งนี้ การเป็นเจ้าภาพการประชุม APEC ในปี 2565 ไทยพร้อมจะผลักดันวาระต่างๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะ BCG Economy ในระดับกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ นอกจากนี้ การฟื้นตัวหลังสถานการณ์โควิด-19 จะเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้นำโลกจะใช้โอกาสนี้ในการประชุมหารือ ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดีที่ไทยจะได้แสดงศักยภาพและเป็นเวทีระดับนานาชาติ
+++ ว่ากันว่า...การที่ไทยเตรียมเป็นเจ้าภาพประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ในปี 2565 นั้น “ลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์” มีความต้องการอยากเข้าร่วมการประชุมเวทีนี้ที่ไทยเป็นเจ้าภาพอย่างมาก นั่นก็เท่ากับว่า “รัฐบาลลุงตู่” จะอยู่ต่อไปจนถึงการประชุมผู้นำเอเปค ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นราวเดือน พ.ย.2565 เมื่อถึงตอนนั้น “อายุรัฐบาลลุงตู่” ก็ปาเข้าไป 3 ปี 8 เดือน เหลืออีก 4 เดือน ก็จะครบเทอม 4 ปี ในวันที่ 23 มี.ค.2566 ...ประชุมเอเปคจบแล้ว กฎหมายลูกที่สอดรับกับการ “เลือกตั้งบัตร 2 ใบ” ก็ทำเสร็จแล้ว ถึงตอนนั้น หากรัฐบาลคิดจะ “ยุบสภา” เพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ ก็คงไม่มีใครว่าอะไร ...ว่าแต่จะอยู่ถึงหรือไม่ จะมี “อุบัติเหตุทางการเมือง” ทำให้รัฐบาลไปต่อไม่ได้หรือไม่เท่านั้น
+++ ไม่พูดถึงคงไม่ได้กับการ “เปิดประเทศ” ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แถลงเมื่อค่ำวันที่ 11 ต.ค. 2564 ที่ผ่านมา ประเด็นคือ จะเป็นการเปิดประเทศรับคนต่างประเทศเดินทางเข้าประเทศโดยไม่ต้องกักตัว ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.2564 สำหรับประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำ 10 ประเทศ รวมถึง อังกฤษ สิงคโปร์ เยอรมัน จีน และ สหรัฐ และจะพิจารณาเพิ่มประเทศขึ้นเป็นลำดับ โดยต้องเป็นผู้เดินทางเข้ามาทางอากาศ ได้รับวัคซีนครบกำหนด มีผลตรวจคัดกรองเป็นลบก่อนเข้ามา และตรวจซ้ำอีกครั้งเมื่อเดินทางมาถึง หากไม่พบเชื้อ สามารถเดินทางเช่นเดียวกับคนไทยทั่วไป ไทยยินดีต้อนรับผู้ที่มาจากประเทศที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อประเทศความเสี่ยงตํ่า แต่จําเป็นต้องมีการกักตัว ตามเงื่อนไขและข้อกําหนด นั่นคือ เข้ามาแล้วกักสังเกตอาการ 14 วัน หรืออยู่ในพื้นที่ที่กำหนดของ “แซนด์บ็อกซ์” ต่าง ๆ ที่มีแผนทะยอยเปิดเพิ่มเป็นขั้นบันใด
+++ ขณะเดียวกันจะมีการ “คลายล็อกดาวน์” ให้ธุรกิจบันเทิงตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.2564 โดยอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหาร สถานบันเทิงเปิดได้ภายใต้มาตรการด้านสาธารณสุข เพื่อสนับสนุนและกระตุ้นภาคการท่องเที่ยว การพักผ่อนและบันเทิง ในห้วงเวลาของฤดูการท่องเที่ยวและเทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่ …เมื่อมีการเปิดประเทศ สิ่งที่เห็นตามมาก็คือ การลดหรือเลิก “เคอร์ฟิว”
+++ สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย ออกมาบอกว่า การประกาศ “เปิดประเทศ” ในวันที่ 1 พ.ย.2564 เป็นการส่งสัญญาณที่ดี จะสร้างความชัดเจน ช่วยให้ผู้ประกอบการและนักเดินทางรู้ล่วงหน้าและได้เตรียมตัวดีขึ้น ภายใต้การควบคุมและมีลำดับขั้นตอนในการทยอยเปิดที่ชัดเจน ซึ่งรัฐบาลทยอยผ่อนคลายมาตรการล็อดดาวน์ตั้งแต่เดือน ก.ย.ที่ผ่านมา รวมทั้งเดินหน้าโครงการ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. ซึ่งเป็นจุดเริ่มให้ผู้ประกอบการได้เตรียมตัว แต่สิ่งที่ต้องเตรียมความพร้อม คือ การกระจายฉีดวัคซีนเพิ่มเติมทั้งเข็ม 2 และเข็ม 3 โดยภาคเอกชนที่ร่วมเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาลพร้อมสนับสนุนเพื่อร่วมเปิดประเทศไปด้วยกัน นอกจากนี้รัฐบาลต้องสร้างความเชื่อมั่น โดยสื่อสารไปยังประเทศต่างๆ ถึงกระบวนการเดินทางเข้าไทยที่เป็นมาตรฐานสากล และมาตรการ COVID FREE SETTING ของภาครัฐ ได้ปรับให้เหมาะสมกับสถานประกอบการให้ปฏิบัติตามได้ทั้งการรับวัคซีนครบ 2 เข็ม และต้องตรวจ ATK ตามกำหนดระยะ และที่สำคัญ คือ ผู้ประกอบการและประชาชนจะต้องมีวินัย เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น และจะทำให้การเปิดประเทศเป็นไปอย่างยั่งยืน ทั้งนี้หอการค้าไทยคาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาเพิ่มเติมเดือนละ 1 แสนราย ซึ่งจะส่งผลให้จีดีพีปีนี้เติบโตขึ้น แต่ยังคงอยู่ในกรอบ 0-1%
+++ ไปปิดท้ายกันที่... บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพี ยังคงเดินหน้ารับรางวัลอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ได้รับรางวัล The Best Companies to Work for in Asia ประจำปี 2021 โดยนิตยสาร HR Asia ซึ่งเป็นนิตยสารชั้นนำในระดับภูมิภาคเพื่อนักบริหารทรัพยากรบุคคล แถมยังได้รับเลือกอยู่ในรายชื่อ "หุ้นยั่งยืน" Thailand Sustainability Investment (THSI) โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นปีที่ 7 อย่างต่อเนื่อง ตอกย้ำการเป็นองค์กรชั้นนำด้านเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารที่ดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบ ให้ความสำคัญกับบุคลากร และการพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติ ก่อนหน้านี้ ก็ได้รับ "รางวัลองค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนดีเด่น" ประจำปี 2564 จากกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม และ “รางวัลนวัตกรรมแห่งชาติ ด้านองค์กรนวัตกรรมดีเด่น” จากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ