สกัด“โอมิครอน” ไม่ล็อกดาวน์ เศรษฐกิจไทยรอด

26 ธ.ค. 2564 | 02:00 น.
อัปเดตล่าสุด :29 ธ.ค. 2564 | 17:05 น.

คอลัมน์ฐานโซไซตี โดย...ว.เชิงดอย

*** คอลัมน์ฐานโซไซตี ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3743 ระหว่างวันที่ 26-29 ธ.ค.2564 ว.เชิงดอย ประจำการรายงานสถานการณ์ ข่าวสารที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะเช่นเคย
 

*** ทำเอาตกอกใจกันไปพอสมควรกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ โอมิครอนที่แพร่ระบาดอย่างรวดเร็วในหลายประเทศ สำหรับ “ประเทศไทย” ณ วันที่ 22 ธ.ค.2564 นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ อัพเดทจำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอนที่พบในไทยว่า มีจำนวน 104 ราย ทั้งหมดเป็นการผูกโยงกับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยใน 104 รายนี้ มี 1 รายที่รายงานไปก่อนหน้านี้แล้วคือ ภรรยาคนไทยที่ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ แต่ติดเชื้อโอมิครอนจากสามีที่เดินทางมาจากต่างประเทศ
 

และอีก 1 รายที่พบว่าเป็นลูกเขยที่ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ แต่ติดเชื้อจากคู่สามีภรรยาที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ เป็นกรณีครอบครัวกาฬสินธุ์โดยลูกเขยอยู่ที่อุดรธานี ขอย้ำว่าทั้งหมดยังเป็นการติดเชื้อโอมิครอนที่ผูกโยงกับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งสิ้น ยังไม่มีจุดเริ่มต้นที่เกิดขึ้นในประเทศไทย หรือมีคลัสเตอร์ที่เจอในประเทศไทย
 

*** ขณะที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข บอกว่า ข้อมูลทางการแพทย์พบว่า “สายพันธุ์โอมิครอน” เมื่อเทียบกับ “เดลตา อัลฟา” อาการไม่ได้รุนแรงมากกว่ากัน เพียงแต่อาจติดเชื้อเร็ว ส่วนกรณี Test&Go ก่อนหน้านี้ ตรวจ RT-PCR วันเดียว รายงานตัวด้วยผล ATK แต่จากนี้ต้อง PCR วันที่ 7 อีกรอบ เป็นการปิดหัวปิดท้าย ทำให้ติดตามตัวเขามากขึ้น เชื่อว่าทุกคนให้ความร่วมมือ เพราะมีการโหลดแอปปลิเคชั่นในการติดตามตัวด้วย ย้ำว่า “ไม่ได้ปิดประเทศ” เราเพิ่มมาตรการในการลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัย พอบอกว่าปิดประเทศคนก็ตื่นตระหนก ซึ่งเราไม่ได้พูดแบบนี้ ก็รอดูประเมินวันที่ 4 ม.ค.2565 ถ้าผ่านไปด้วยดีก็จะเร่งผ่อนคลายให้ ต้องเข้าใจก่อน รัฐบาล ศบค. เรารู้ความเดือดร้อน คนลงทุนจัดเตรียมงานรับปีใหม่เยอะ ถ้ามีสถานการณ์ก็ใช้มาตรการเข้มขึ้น เราทำโดยเร็ว ถ้าเข้าสู่ปลอดภัย ก็รีบผ่อนคลายทันที เราติดตามทุกวัน ทั้งระบุว่า ต้องเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม เพื่อคนในประเทศจะได้ไม่ถูกจำกัดอะไรมากกว่านี้ 
 

*** พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยง กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข อัพเดทสถานการณ์โอมิครอนทั่วโลก ณ วันที่ 22 ธ.ค.2564 ว่า ได้กระจายไปแล้ว 95 ประเทศทั่วโลก มีการระบาดในสหรัฐอเมริกาทั้งหมด 47 รัฐ คิดเป็นผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน 73% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมดในสหรัฐ ซึ่งศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ ชี้แจงว่า ขณะนี้ไวรัสกลายพันธุ์โอมิครอน ได้กลายเป็นไวรัสโควิดสายพันธุ์หลักที่แพร่ระบาดในประเทศแล้ว โดยเพียงสัปดาห์เดียวพบว่าในบรรดาผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ของประเทศจำนวน 73.2% เป็นการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน เพิ่มขึ้นจาก่อนหน้านั้นที่อัตราติดเชื้อโอมิครอนอยู่ที่ราว 12.6% ของจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งหมด

*** สำหรับมติที่ประชุมศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งได้ปรับมาตรการในการรับนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทย มีรายละเอียดดังนี้ 1.ปรับมาตรการสำหรับ ผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักร โดยจะระงับการเปิดรับผู้เดินทางเข้า ราชอาณาจักรประเภท Test and Go และ Sandbox ชั่วคราวไปก่อน ยกเว้นภูเก็ต Sandbox และการเข้ามาแบบกักตัว และจะประเมินสถานการณ์เป็นระยะ เริ่มตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.64 และประเมินสถานการณ์อีกครั้งวันที่ 4 ม.ค.65 
*** 2.ผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรประเภท Test and Go ที่ได้รับอนุมัติแล้ว ประมาณ 200,000 คน เนื่องจากผู้เดินทางมีการจองและจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว จะมีการประเมินสถานการณ์เป็นระยะ ทั้งนี้ ต้องมีมาตรการในการติดตามตรวจสอบสถานที่พำนัก มีการรายงานและเข้ารับการตรวจหาเชื้อเมื่อมีอาการ และตรวจหาเชื้อในครั้งที่สอง 
 

*** 3.ผู้เดินทางเข้าราชอาณาจักรประเภท Sandbox ที่ได้รับอนุมัติแล้ว ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยให้จังหวัดกำกับติดตามการออกนอกจังหวัด ติดตั้ง App หมอชนะ และตรวจครั้งที่ 2 ให้ได้ 100 % (วันที่ 5-6 และไม่เสียค่าใช้จ่าย) ทั้งนี้ ให้โรงแรมนัดหมาย วันและสถานที่ เข้ารับการตรวจครั้งที่ 2 ปรับการเข้าราชอาณาจักรให้มีการจองที่พัก 7 วัน เหมือนเดิม (ยกเลิกการเข้าในที่พำนักของตนเอง) ต้องมีมาตราการในการติดตาม ตรวจสอบสถานที่พำนัก มีการรายงานและเข้ารับการตรวจหาเชื้อเมื่อมีอาการและตรวจหาเชื้อในครั้งที่ 2 สำหรับผู้ที่ได้รับอนุมัติตั้งแต่ 22 ธ.ค.2564 เป็นต้นไป ผู้ที่ได้รับอนุมัติแล้วให้เข้าพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยวตามที่ได้รับอนุมัติ
 

*** มาตรการในการรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ หรือ คนไทยที่จะเดินทางเข้าประเทศไทย ที่ “ศบค.” คลอดออกมาล่าสุดนี้ “ว.เชิงดอย” เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ถือเป็นการสกัด “ไวรัสร้ายโอมิครอน” ที่ระบาดง่าย รวดเร็ว จากต่างประเทศไม่ให้เข้ามาแพร่ระบาดในไทย การรับมือของหน่วยงาน “สาธารณสุขของไทย” ก็ถือว่าตื่นตัวในการป้องกันการแพร่ระบาด เพราะเมื่อพบว่ามีคนติดเชื้อ “โอมิครอน” ที่ไหน ก็เร่งสืบสวนโรคและ “จำกัดวง” ไม่ให้เล็ดลอดแพร่หลาย เมื่อไทยรับมือได้ดีโอกาสที่จะเกิดการแพร่ระบาดไปทั่ว ก็จะไม่เกิดขึ้น 
 

*** เมื่อเราเอา “โอมิครอน” อยู่ การที่จะนำไปสู่การ “ล็อกดาวน์” หรือการเข้มงวดมาตรการต่างๆ ขึ้นอีกก็จะไม่ตามมา เมื่อ “ไม่ล็อกดาวน์” เศรษฐกิจภายในประเทศของไทยก็ยังจะพอไปได้ ห้างร้านต่าง ๆ ก็เปิดดำเนินการได้เป็นปกติ เกิดการจับจ่ายใช้สอย เกิดการท่องเที่ยว มีเงินหมุนเวียนในระดับล่าง “ชีพจรเศรษฐกิจ” ไม่สะดุดหยุดลงอีก คนไทยก็คงจะ “แฮปปี้” ก็หวังว่าช่วงเทศกาลปีใหม่ 2565 นี้ คนไทยจะได้รื่นเริงกันบ้าง หลังจากต้องห่อเหี่ยวมาแล้ว 2-3 ปี...