ระวัง... หุ้นร้อนของเสี่ยพิชญ์

21 ม.ค. 2565 | 00:00 น.

คอลัมน์เมาธ์ทุกอำเภอ By…เจ๊เมาธ์

 *** ภายหลังจากการเพิ่มทุนเพื่อซื้อ Tesco’s มาจากบริษัทในเครือตัวเองทำให้ MAKRO มีหุ้นจำนวนถึง 10,580,323,500 หุ้น ซึ่งเจ๊เมาธ์บอกไปแล้วว่า การย้ายบัญชีเพื่อเอา Tesco’s มาอยู่ในระบบของ MAKRO จากเดิมที่เคยอยู่กับ CPALL CPF และ CPH มันเป็นแค่เกมการปั่นกระแสเพื่อดึงเงินเข้ามาในระบบในแบบที่ MAKRO ไม่ได้ทำอะไร เพราะแค่แก้ไขตัวเลขทางบัญชีแล้วก็เรียกเงินเพิ่มทุน ก็สามารถดูดเงินเกือบๆ 6 หมื่นล้านเข้ามาได้แล้ว ในปัจจุบัน MAKRO มีกำไรสุทธิเพียงแค่ปีละ 6 พันล้าน และในอนาคตแม้จะรวมเอากำไรที่เกิดจาก Tesco’s เข้าด้วยก็ไม่น่าจะอยู่ที่ราวๆ หมื่นกว่าล้านบาทเป็นอย่างมาก 
 

ซึ่งกำไรหมื่นกว่าล้านที่ว่านี้ยังต้องซอยแบ่งออกไปให้ผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้ง CPALL สยามแม็คโคร โฮลดิ้ง เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง และ ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง จนเกือบจะไม่มีเหลือตกมาถึงผู้ถือหุ้นรายย่อยเลย สำหรับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่มีต้นทุนต่ำจะถือหุ้นนานแค่ไหนมันก็ไม่เป็นปัญหา แต่สำหรับผู้ถือหุ้นรายย่อย หลังจากการควักเงินเพิ่มทุนแล้วราคาหุ้นร่วงลงมามากกว่า 10% แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องสนุกแน่นอน เอาเป็นว่าเจ๊เมาธ์ก็ได้แต่ให้กำลังใจนะคะ ก็ได้แต่หวังว่าไม่เกินปีนี้จะได้หลุดดอยกันเจ้าค่ะ
 

*** แม้ว่าราคาหุ้นของ DELTA จะยังสามารถยืนที่ระดับราคา 400 บาทได้ แต่การหลุดออกมาจาก SET50 และ SET100 ก็จะทำให้ในระยะยาวความน่าสนใจของ DELTA จะค่อยๆ หายไป...หายไปพร้อมๆ กับ DW ที่จะหมดอายุลงไปด้วยนั้นเอง เพราะสำหรับ DELTA เกมการเล่นหุ้นตัวนี้ส่วนใหญ่จะเป็นไปในทางที่ดันราคาแม่เพื่อเล่นหุ้นลูก (DW) เป็นหลักเท่านั้น ก็อย่างที่บอกไปว่าถึงเวลาที่จะต้องตัดสินใจว่าจะเอายังไงดี เจ๊เมาธ์ไม่อยากชี้นำ แต่ถ้ามันไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องทำใจนะคะ อย่าไปรักหุ้นมากกว่ารักเงินในกระเป๋าของเราเลยค่ะ
 

*** บอกตรงๆ ว่าเจ๊เมาธ์มีความชอบเป็นพิเศษในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ซึ่งล่าสุด TKC ซึ่งพึ่งจะเข้าตลาดมาได้ไม่กี่วันก็เป็นหุ้นอีกหนึ่งตัวที่เจ๊เมาธ์อยากให้จับตา เพราะนอกจาก TKC จะเป็นบริษัทที่รวมเอาธุรกิจเมกะเทรนด์ในอนาคตไม่ว่าจะเป็น ธุรกิจระบบ Smart Solutions, Smart Logistics ธุรกิจ Cyber Security โฟกัสที่อินฟราสตรักเจอร์ ระบบคลาวด์แบบไฮบริด อุปกรณ์โดรน ที่เกี่ยวกับสมาร์ทฟาร์มมิ่ง โดรนที่เกี่ยวกับโลจิสติกส์ มารวมไว้ในบริษัทเดียวจนทำให้หุ้นตัวนี้น่าสนใจมาก
 

นอกจากนี้ก็ยังมีเรื่องของผลการดำเนินงานที่ดีมาโดยตลอด รวมไปถึงดัชนีชี้วัดง่ายๆอย่างค่าพีอีที่ปัจจุบันอยู่ต่ำกว่า 30 เท่ามาให้พิจารณาถึงระดับของความคุ้มค่าในการลงทุนอีกด้วย จะดีแค่ไหนอีกไม่น่าก็คงจะได้รู้กันนะคะ บอกได้แค่ว่าน่าสนใจจริงๆ เจ้าค่ะ

*** นาทีนี้หุ้นที่อยู่ในมือของ พิชญ์ โพธารามิก ไม่ว่าจะเป็น JAS JTS และ MONO ต่างก็กำลังร้อนแรง ซึ่งความร้อนแรงที่ว่านี้ก็เริ่มต้นมาจาก JTS เป็นหลัก เพราะการขยับราคาขึ้นมาสูงมากของ JTS มันทำให้ JAS ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่มีหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมอยู่ใน JTS มากกว่า 50% มีมูลค่าสินทรัพย์ที่เพิ่มตามขึ้นมาด้วย ในขณะที่ MONO ซึ่งก็เป็นหุ้นอีกตัวที่อยู่ในเงาของพิชญ์ก็ขยับราคาตามขึ้นมาด้วยเช่นกัน แต่บอกเอาไว้ก่อนว่าการขยับราคาขึ้นมาของหุ้นทั้ง 3 ตัวในรอบนี้แทบจะไม่มีเรื่องของผลการดำเนินงานเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย จะมีก็เพียงเรื่องของข่าวลือ...เรื่องเล่าว่าแบบนั้นแบบนี้เท่านั้น
 

แต่ก็อย่างว่าจะตีเหล็กมันต้องตีตอนร้อน ก็ในเมื่อกระแสหุ้นภายใต้อานัฐของเสี่ยพิชญ์มาแล้วแบบนี้ ถ้าจะไม่ไล่ราคามันก็คงจะเป็นการเสียโอกาสไปซะเปล่าๆ เอาเป็นว่า ถ้ามีกำไรก็ล็อกเป็นเงินสดเอาไว้บ้างนะคะ เจ๊เตือนแล้วน๊า อิอิอิ 
 

หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 41 ฉบับที่ 3,751 วันที่ 23 - 26 มกราคม พ.ศ. 2565