บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยอีกคราว เมื่อวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ของรัฐบาลที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 เมื่อ “รัฐมนตรี” ของพรรคภูมิใจไทยที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลโดยมีเสียงของ ส.ส. ที่สนับสนุนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 59 เสียง รวมพลังกัน “บอยคอต” ไม่เข้าร่วมการประชุม ครม.ในวาระพิจารณาเรื่องสำคัญคือการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว
“รัฐมนตรี” ในโควตาพรรคภูมิใจไทย 7 คน นัดกันยื่นหนังสือลาประชุม ครม. เพื่อแสดงท่าทีคัดค้าน เรื่องที่กระทรวงมหาดไทย จะเสนอวาระเพื่อพิจารณา ขอความเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวของกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อขยายสัญญาสัมปทานให้กับ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC บริษัทในเครือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮล ดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ออกไปอีก 30 ปี จากเดิมที่จะสิ้นสุดสัญญาสัมปทานในปี 2572 เป็นปี 2602 แลกกับการลงทุนก่อสร้าง และแบกรับภาระการลงทุนด้านระบบอาณัติสัญญาณ ด้วยการเก็บค่าโดยสาร 65 บาทตลอดสาย
รัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาล แจ้งเหตุผลการลาประชุมที่แตกต่างกันออกไป ตาม “จุดยืน” ของแต่ละคน ผมไล่เลียงไปให้เห็นภาพดังนี้
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้เหตุผลในการลาประชุมผ่านหนังสือลงวันที่ 8 ก.พ.2565 แจ้งเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เรื่อง ความเห็นประกอบการพิจารณาของ ครม. เรื่องขอความเห็นชอบผลการเจรจาและเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว...
หนังสือระบุว่า... ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้มีหนังสือแจ้งเชิญประชุม ครม.ครั้งที่ 6/2565 ในวันอังคารที่ 8 ก.พ.2565 เวลา 09.00 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล โดยมีระเบียบวาระการประชุมตามอ้างถึงนั้น ในวาระเรื่องพิจารณาลำดับที่ 3 เรื่องขอความเห็นชอบผลการเจรจาและเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว
ขอเรียนว่า “ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ตามความเห็นและเหตุผลของกระทรวงคมนาคม ตามหนังสือกระทรวงคมนาคม ด่วนที่สุด ที่ คค (ปคร) 0208/28 วันที่ 7 ก.พ.2565”
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ยื่นลาการประชุมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว เนื่องจากติดภารกิจสำคัญ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ให้เหตุผลว่า ขอลาประชุม และมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ตามหนังสือที่ คค (ปคร) 0208/28 วันที่ 7 ก.พ.2565
นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แจ้งว่า ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรี จึงขอลาประชุม ครม.เพราะเป็นความไม่สบายใจของข้อกฎหมาย ที่จะต้องให้กรุงเทพมหานครไปดำเนินการให้เรียบร้อยก่อน
นางมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ อยู่ระหว่างการกักตัว จึงไม่ได้เข้าร่วมการประชุม ฯลฯ
ผลที่ตามมาคือ ที่ประชุม ครม.จึงมีมติรับทราบและให้เลื่อนการพิจารณาร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ตามที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) โดยกระทรวงมหาดไทยเสนอ เพื่อขอขยายสัญญาสัมปทานให้กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ออกไป
ภายหลังการประชุมครม. นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการมหาดไทย ออกมาชี้แจงว่า ที่ประชุม ครม. ขอให้กระทรวงมหาดไทย กลับไปดูรายละเอียดของกระทรวงคมนาคมที่ทำความเห็นมาประกอบการพิจารณาอีกครั้งโดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการตามเงื่อนไขการอนุญาตให้เข้าพื้นที่กรณีการติดตั้งสะพานเหล็กแยกหทัยราษฎร์ และแยกพุทธมณฑลสาย 2 ที่จะต้องพิจารณาประกอบ เพื่อจัดทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายของโครงการ
และไปดูเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ ป.ป.ช. ซึ่งกระทรวงมหาดไทย จะรีบกลับไปดูข้อมูลทั้งหมด เพื่อสรุปมาเสนอครม.อีกครั้งโดยเร็วที่สุดภายใน 2 สัปดาห์นี้...
แต่ในความเป็นจริงแล้ว...ผมต้องบอกว่า นี่คือสัญญาณอันตรายต่ออายุของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ง่อนแง่นมาจากเสียงสนับสนุนในตัวนายกรัฐมนตรีจาก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จากที่มีอยู่ 118 เสียง แต่แตกกระสานซ่านเซ็นผ่านการขับออกจากพรรคไป 21 เสียง จนเหลือแค่ 97 เสียง
ผมขอบอกว่า นี่คือภาวะที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ใกล้ยุบสภา เพราะเกิดความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาล ถึงขนาดที่มีการ “บอยคอต” การประชุม ครม. ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์การทำงานของรัฐบาลผสม
“การบอยคอต” ไม่เข้าร่วมสังฆกรรมยกพรรคแบบนี้ หนักหนากว่า 21 เสียงถูกขับออกจากพรรคสนับสนุนนายกรัฐมนตรีเสียอีก รัฐบาลจะอยู่กันได้อย่างไร..?
ผมได้ยินว่า ในการประชุมครม.รอบนี้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แกนนำกลุ่มสามมิตรได้เสนอทางออกในการประชุมให้ถอนวาระนี้ไปก่อน เพราะยังไม่พร้อม...เรียกว่าเป็นการเสนอทางออกที่รอมชอม รักษาหน้านายกฯ
ก่อนที่ที่ประชุมครม.จะมีมติรับทราบร่างสัญญารถไฟฟ้าสายสีเขียว แต่ให้เลื่อนการพิจารณาออกไป โดยให้กระทรวงมหาดไทยกระทรวงคมนาคมกลับไปคุยรายละเอียดกันก่อน
แต่การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้พูดในที่ประชุม ครม.ว่า ในเรื่องนี้ วันนี้เรารู้แล้วว่า “ใครเป็นใคร ใครคิดอย่างไร” นั้น บอกเราเป็นนัยว่า “แค้นแน่นจุกอก”
ผมพาไปดูเกม 2 ขาของพรรคร่วมที่ขี่คอรัฐบาลลุงตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้ตาแจ่มแจ้งกันอีก
ในขณะที่ครม.พิจารณาเรื่องนี้ที่ทำเนียบรัฐฐบาล ในเวลา 11.00 น.นั้นบรรดา ส.ส.พรรคภูมิใจไทย นำโดย นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย พร้อม ส.ส.พรรคภูมิใจไทยแทบทั้งหมด ออกมาแถลงข่าวกดดันรัฐบาลที่รัฐสภา
โดยส.ส.เลียงหน้ากันแสดงความเห็นด้วยกับการที่รัฐมนตรีทั้ง 7 คน ของพรรคภูมิใจไทย ที่ไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี เนื่องจากไม่ต้องการมีส่วนร่วมในการพิจารณาในวาระนี้ โดยให้เหตุผลว่า หากดำเนินการไปแล้วจะกลายเป็นภาระของประชาชน เนื่องจากค่าโดยสารที่มากเกินไป โดยการกำหนดอัตราค่าโดยสารที่ 65 บาทตลอดสาย เพื่อส่งเสริมผู้มีรายได้น้อยมาใช้บริการ ซึ่งกระทรวงคมนาคม เห็นว่าสามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารสูงสุดต่ำกว่า 65 บาทได้
“ผมขอขอบคุณที่กล้าสู้ แม้จะอยู่ใน ครม.ชุดเดียวกัน ขอบคุณที่ให้พวกผมได้สู้ ในสิ่งที่ผมคิดว่าเป็นประโยชน์กับประชาชนจริงๆ” นายสิริพงศ์ กล่าวแบบทิ้งหมัดเข้ามุม
ความขัดแย้งในคณะรัฐมนตรี และแนวทางการทำงานแบบนี้ ผมขอบอกว่าไม่เคยมีในบริบทการบริหารราชการแผ่นดิน
อย่างดีรัฐมนตรีที่ร่วมประชุมในครม.ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางใดแนวทางหนึ่งของรัฐบาล จะขอให้บันทึกความเห็นคัดค้านไว้วาระการประชุมนั้นๆ
ไม่เคยมีครั้งใดที่รัฐมนตรีที่ร่วมรัฐบาลจะทิ้งหน้าที่ไม่เข้าร่วมประชุม ครม.ทั้งๆที่ในการประชุมอตัวเองมีสิทธิ์ออกความเห็นคัดค้านได้อย่างเต็มที่อโดยไม่ต้องทิ้งหน้าที่ หรือ แสดงภาพของการไม่เข้าร่วมสังฆกรรมกับรัฐบาลแบบนี้
ไม่เคยมีรัฐบาลไหนที่ “รัฐมนตรี” ของพรรคร่วมรัฐบาล “บอยคอย” ไม่ร่วมสังฆกรรมการประชุม ครม.แบบยกพรรคเลยแม้แต่ครั้งเดียว
การที่รัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลจำนวน 59 เสียง ประกาศ “ไม่ร่วมสังฆกรรม” ย่อมหมายว่า “ไม่ร่วมกันกระทำกิจกรรม” ย่อมหมายถึงการที่รัฐมนตรีและพรรคร่วมไม่คบค้าสมาคมกับรัฐบาลด้วย หรือไม่มีใครอยากร่วมสังสรรค์กับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ด้วยนั่นเอง
ในทางพุทธศาสนาเขาจึงเรียกว่า “ไม่ร่วมสังฆกรรม”
แต่ถ้าเป็นภาษาอังกฤษทางวิชาการด้านสังคมและเศรษฐกิจทั่วไปเขาเรียกว่า Boycott แปลว่า “คว่ำบาตร” นั่นเอง
รัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาลไม่สังฆกรรมแบบนี้ ลุงตู่โดดเดี่ยว เสียวจะยุบสภา หรือ ลาออกจริงๆ ขอรับ...