วันนี้ผมนั่งอ่านบทความในเว็บไซต์หนึ่งของญี่ปุ่น มีเรื่องน่าสนใจมาก เกี่ยวกับการที่คนเราเมื่ออายุมากขึ้น แล้วจะเกิดอาการที่เนื้อหนังจะเหี่ยวย่นลง โดยในบทความได้มีการพูดถึงโรคหนึ่งคือโรค Sarcopenia ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจในศัพท์แสงของคำนี้
จึงอาศัยเจ้กูเกิลค้นหาแต่ก็หาไม่เจอ เลยไลน์ไปถามน้องๆ ที่เป็นกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ น้องดาวตอบมาว่าเป็นโรคมวลภาวะกล้ามเนื้อพร่อง ซึ่งผมอ่านดูแล้วน่าสนใจมาก เพราะนั่นเป็นโรคที่ทำให้เราแม้จะมีอายุมาก แต่ก็ไม่อยากที่จะเป็นคนแก่หนังเหี่ยวแน่นอนครับ
ทุกๆ ปีเราจะได้ยินได้ฟังมาว่า เพื่อนคนนั้นไปฉีดโบท็อกมา เพื่อนคนนี้ไปดึงใบหน้ามา หรือบางคนก็อุตส่าห์บินไปเกาหลีใต้ไปทำการโมดิฟายด์ใบหน้าใหม่มา หรือว่านั่นเป็นเพราะคนเราส่วนใหญ่โดยเฉพาะคนที่มีตังค์เยอะๆ จะกลัวแก่
อันที่จริงแล้วอาการของโรค Sarcopenia นั้น หากเรารู้จักมันดี อาจจะไม่ต้องไปทำอะไรถึงขนาดนั้นก็ได้นะครับ แต่ขอโทษผมไม่ใช่หมอ ก็อย่าเชื่อผมมากนะครับ แค่อ่านมาจากบทความของญี่ปุ่นเขา ที่เป็นบทความธรรมดาไม่ใช่ผลงานวิจัย
ดังนั้นขอให้อ่านเล่นสนุกๆ ก็พอนะครับ ซึ่งเขาเล่าว่า อาการของโรคมวลภาวะกล้ามเนื้อพร่องนี้ ส่วนใหญ่จะเกิดกับผู้สูงอายุ ที่มีสภาพร่างกายผอมแห้งมากกว่าคนแก่ที่มีเนื้อหนังมังสาครับ เพราะคนที่ท้วมหน่อยๆ จะมีไขมันและกล้ามเนื้อมากกว่าคนที่ผอมแห้งแรงน้อยนั่นเอง
และที่สำคัญการขาดอาหารประเภทโปรตีนและคาร์โบไฮเดรต จะทำให้เกิดอาการมวลภาวะกล้ามเนื้อน้อยลงไป จึงทำให้เกิดอาการเหี่ยวแห้งของเนื้อหนังมังสานั่นเองครับ
วิธีการที่เราจะสังเกตดูว่า คนๆ นั้นทำไมถึงเกิดอาการเช่นนั้น ให้ดูที่พฤติกรรมของผู้สูงอายุคนดังกล่าวว่า สามารถทานอาหารได้ตามปกติหรือไม่? หรืออาจจะทานได้ แต่กลัวว่าจะอ้วนแล้วจะไม่สวย จึงไม่ยอมทานข้าวปลาอาหารกัน
โดยเฉพาะท่านสุภาพสตรีที่ชอบลดความอ้วน หรือชอบการอดอาหาร นั่นอาจจะทำให้มีอาการโรคดังกล่าวได้ง่ายๆ เลยครับ ดังนั้นก็อดแต่แค่พองามก็น่าจะดีกว่านะครับ คนเมียนมาจะมีคำคมอยู่ประโยคหนึ่ง ที่ผมชอบเอามาแซวสาวๆ เล่นคือ “ว่าโหลวล่าโหลว ซี่เด๋ เปี่ยนโหลวล่าโหลว มะซี่บู้” แปลว่า “คนอ้วนแล้วสวย นั้นมีให้เห็น แต่คนผอมแล้วสวย ไม่มีให้เห็น” สำหรับคนไทยเราคำนี้นำมาใช้ไม่ได้นะครับ
บทความที่ผมอ่านอยู่เขาบอกว่า โรคสภาวะมวลกล้ามเนื้อพร่องนี้ สามารถป้องกันได้ ด้วยการทานอาหารที่มีความสมดุลกันทั้งสามมื้อ และการออกกำลังกาย สองอย่างนี้จะขาดไม่ได้โดยเด็ดขาด เพราะจะสามารถเป็นยาวิเศษ ในการช่วยให้โรคร้ายสำหรับคนแก่ที่ไม่อยากแก่นี้ได้อย่างชะงัดเลยครับ
อาหารที่ขาดไม่ได้คือโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เช่น เนื้ออกไก่ เนื้อน่องไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว อาหารทะเลทุกชนิด ปลาซาดีและปลาทูน่ากระป๋อง และถ้าเป็นโปรตีนมังสวิรัติ ก็ต้องเป็นอาหารประเภทถั่วทุกชนิด เต้าหู้ ถั่วหมักหรือนัตโตะ นมสด โยเกิร์ต ชีส สาหร่ายทะเลประเภทคอมบุและวากาเมะ เป็นต้น อาหารเหล่านี้จะเป็นแหล่งโปตีนจากธรรมชาติอย่างดีทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่สูงๆ เช่น ข้าว ขนมปัง ก๋วยเตี๋ยว เส้นหมี่เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีไข่ที่เป็นไข่ขาว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไข่ไก่มักจะมีประโยชน์มากกว่าไข่เป็ด เพราะไข่เป็ดจะมีไข่แดงมากกว่าไข่ขาว
ในขณะที่ไข่ไก่จะมีไข่ขาวมากกว่าไข่แดงนั่นเองครับ นอกจากนี้อาหารที่มีแคลเซียม ที่จะช่วยสร้างกระดูกก็เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งครับ แต่ต้องระมัดระวังสิ่งที่จะทำให้เกิดโรคกระดูกพรุนด้วยนะครับ หรืออาจจะใช้วิตามินบ้างชนิดเข้ามาช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อด้วยก็ได้ครับ
อย่างไรก็ตาม ควรจะทานอาหารที่มีประโยชน์เหล่านี้อย่างสมดุล โดยอาจจะทานสองมื้อหรือสามมื้อก็ได้ไม่แปลก แต่ต้องมีสารอาหารที่ครบถ้วนดังกล่าว เพื่อเป็นการสร้างความสมดุลในการทานอาหารให้ครอบคลุม ทางที่ดีเราควรปรึกษานักโภชนาการ เพื่อได้คำแนะนำที่ถูกต้องก็จะดีที่สุดครับ
การออกกำลังกายก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่ง ที่จะป้องกันการเกิดโรค Sarcopenia หรือโรคมวลสภาวะกล้ามเนื้อพร่องได้ดี เพราะจะทำให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแกร่งมากขึ้น จะเห็นว่า นักกีฬาส่วนใหญ่จะมีสภาพร่างกายอ่อนเยาว์กว่าอายุจริง
การเหี่ยวย่นของเนื้อหนังมังสาก็จะไม่ค่อยเห็นในนักกีฬาครับ แต่สำหรับผู้สูงอายุแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องหักโหมมากเกินไป เพราะสภาพร่างกายของผู้สูงอายุ ที่ไม่ได้มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องมาหลายปี พอนึกขึ้นได้ว่าจำเป็นต้องออกกำลังกายได้แล้ว จึงได้เร่งที่ออกกำลังกายอย่างเร่งด่วน ซึ่งอาจจะเป็ผลร้ายมากกว่าก็เป็นไปได้ครับ
ดังนั้นก็เอาแต่พอเหมาะพองามนะครับ ไม่ต้องเร่งรีบไปแข่งกีฬาโอลิมปิกที่ไหนก็ได้ ประเดี๋ยวเกิดช็อคหัวใจล้มเหลวไป จะหาว่าหล่อไม่เตือนครับ