บ้านพักคนชรา ที่เป็นกว่าบ้านพัก หลายคน อาจมองว่าบ้านพักคนชราเป็นสถานที่ ๆ รู้สึกเหมือนถูกลูกหลานทอดทิ้ง แต่ในความเป็นจริง การวางแผนเกษียณกับบ้านพักคนชรา ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีมากอีกอย่างหนึ่ง ก่อนอื่นอยากให้ทุกท่านลบภาพจำในอดีตว่าการอยู่บ้านพักคนชราคือการถูกทอดทิ้งลงเสียก่อน การอยู่บ้านพักคนชราไม่ใช่เรื่องเลวร้าย ไม่ใช่การทอดทิ้ง แต่กลับกันการเกษียณด้วยบ้านพักคนชราถือเป็นการมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่คนที่เรารักมากกว่า
เมื่อประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์ (Aged Society) มีสัดส่วนประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปร้อยละ 20.36 ของประชากรทั้งหมด และคาดว่าไม่กี่ปีข้างหน้าก็จะก้าวไปอีกขั้นสังคมผู้สูงวัยระดับสุดยอด กลับกันอัตราเด็กเกิดใหม่กลับลดลงทุกปี ด้วยการเปลี่ยนแปลงของลักษณะประชากรเช่นนี้ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายอันหนักอึ้ง ที่เหล่าหนุ่มสาววัยกลางคนต้องแบกรับไว้
อีกทั้งปัจจุบันที่มีการแข่งขันสูง ต้องยอมรับว่ากลุ่มหนุ่มสาววัยกลางคนที่กำลังต้องรับทั้งบทบาทลูก บทบาทพ่อแม่ และยังต้องตั้งหน้าตั้งตาหาเงินกันตัวเป็นเกลียว เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในบั้นปลาย เพื่อเลี้ยงพ่อแม่วัยชรา บ้างก็เป็นผู้ป่วยติดเตียง บ้างก็ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เท่าที่ควร และบางคนมีความสามารถในการดูแลผู้ป่วยได้ไม่ดีนัก นี้จึงเป็นเหตุผลที่เราจะต้องตระหนักและรับรู้เกี่ยวกับสภาพการณ์นี้เพื่อการเตรียมการรับมืออย่างดีที่สุด ด้วยการเลือกใช้บริการบ้านพักผู้สูงอายุ หรือ เนิร์สซิงโฮม เพื่อบั้นปลายชีวิตยืนยาวอยู่กับลูกหลานให้นานที่สุด โดยเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข
หลายคนอาจกำลังคิดว่าคงจะดีไม่น้อย หากมีใครสักคนยื่นมือเข้ามาช่วยดูแลพ่อแม่ในขณะที่เราต้องทำหน้าที่อื่นอยู่ การเดินทางไปพบหมอแต่ละครั้งก็แสนลำบาก ต้องลางานเพื่อใช้เวลาเดินทางที่หมดไปเป็นวัน จะดีกว่าไหมหากเรามีหมอดูแลอยู่ใกล้ตัว 24 ชั่วโมง มีเพื่อนวัยเดียวกันให้พูดคุยคลายเหงา มีกิจกรรมให้ทำตลอดทุกวันไม่ต้องทนเหงาอยู่บ้านคนเดียว บทความนี้จะพูดถึงเรื่องทางเลือกชีวิตที่ดีสำหรับคนสูงวัย เพื่อเป็นแนวทางในการตัดสินใจให้ใครหลาย ๆ คน
เตรียมเกษียณอย่างมีคุณภาพ
เมื่อก้าวเข้าสู่ช่วงวัยชราอย่างเต็มรูปแบบก็จะมีวิถีชีวิตแบบใหม่ ที่ต้องพิถีพิถันเรื่องการดูแลสุขภาพยิ่งกว่าเดิมอาจมีหลายคนที่วางแผนว่าหลังเกษียณจะไปอยู่ที่ไหนอาจเกิดเป็นคำถามมากมาย จะเอายังไงดีกับชีวิตบั้นปลาย หรือหลายคนอาจหาคำตอบไว้แล้วว่าจะใช้ชีวิตบั้นปลายที่บ้านพักคนชราด้วยคุณภาพชีวิตที่ดี ด้วยความเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน ทั้งด้านร่างกายจิตใจ และสังคม
ด้วยข้อจำกัดของร่างกายก็เริ่มเสื่อมถอยลงเรื่อย ๆ ทุกวันทั้งความเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย ทางด้านสมอง ทางอารมณ์และจิตใจ ที่ยากจะรับมือหากผู้ที่อยู่ใกล้ชิดไม่มีความเข้าใจอย่างแท้จริง การปรับตัวจึงเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนัก และสำหรับผู้สูงอายุบางคนเองก็อาจเกิดความวิตกกังวลเรื่องการดูแลตนเอง ชีวิตความเป็นอยู่จะเป็นอย่างไรหากไม่มีคนเลี้ยงดูในบั้นปลายชีวิต
การเกษียณอย่างมีความสุขด้วยคุณภาพชีวิตที่ดีจึงเป็นสิ่งที่สามารถเลือกเองได้ เพื่อเตรียมพร้อม รับมือกับความเปลี่ยนแปลงนี้