84,000 ชุด กับ มนุษย์ตามธรรม! ฉากที่ 13

05 เม.ย. 2568 | 00:00 น.

84,000 ชุด กับ มนุษย์ตามธรรม! ฉากที่ 13 : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย...ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4085

ภรรยาเดินหน้าบานแฉ่งเข้ามากระแทกประตูหน้าบ้าน เปล่งวาจา “ประกาศกฎเจ้ากี้เจ้าการศึก” ตะโกนบอกสามีสุดเสียงว่า “ที่รัก เก็บกระเป๋าซะ ฉันถูกลอตเตอรี่!” สามี วางขวดเหล้าพูดว่า “ว๊าว! ผมควรจะแพ็กอะไรดี ของใช้ริมชายหาด รึว่า ของใช้บนภูกระดึง?” ภรรยาเปลี่ยนหน้ากากจาก“ ยิ้มแฉ่ง” เป็น “ยิ้มเฉ่ง” เพราะ “มีแผลใจที่สามีแอบดูดเงินเอาไปเล่นไพ่” จึงตะคอกว่า “ไม่จำเป็น… แกออกไปก็พอ…!” (ฮา) 

เรื่องนี้ชี้ให้เช็คว่า ทำดีได้ดีมีผลชัวร์ อนึ่ง อย่าได้ท้อใจ เราสั่งอาหารทีหลังฉันใด บริกรก็เสิร์ฟช้าฉันนั้น อ่ะนะ! 

เรื่องต่อไปนี้ จะบอกว่าเป็นเรื่องของ คนแปลกหน้า คงจะไม่ใช่ตรงที่ ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ได้เห็นหน้า ผมคัดมาเล่าเอามาแชร์ถึงแม้ว่าความน่าจะเป็นออกจะจิ๊บๆ แต่ผมเชื่อกินดิบว่าเรื่องแบบนี้มีให้เห็นกันทุกหย่อมหญ้า เหตุเกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 5 ธันวาคม 2024 ในแผ่นดิน USA ใครมีอาการ “สมองเหล่” ก็ทึกทักปักธงฟันว่า “บังเอิญ” หรือ “ฟลุค” เนื้อหาที่ถูก เรียกว่า “ประจวบเหมาะ” (ฮะแอ้ม...) 

ลูกสาววัยกระเตาะตกใจหลังจากดูหนังจบ ก็เดินออกมาพบว่า เธอลืมปิดไฟรถเก๋ง รถหลับในไฟในแบ็ตมันสิ้นฤทธิ์ โชคดีที่เคยทำบุญหยอดเหรียญลงในกล่องค่าไฟหลายวัด มีซานตาครอสสายวัดจัดสายพ่วงแบตเตอรี่มัดฝากไว้ที่ฝากระโปรงรถ พร้อมกับเขียนช็อตโน้ตบอกไว้ว่า “หวังว่าคุณจะถึงบ้านอย่างปลอดภัย” (ว้าว...)

จะว่ากันไป พยานรายแรกถือว่ายังเบิกความไม่ชัดเจน ข้อมูลที่นำมาเชื่อมโยงมันยังโงนเงน คล้ายกับเอาลวดสริงมายัดไส้แทนเหล็กเส้น! (ฮา)  

 

รู้สึกว่าจะโก้ไม่หยอก หากจะบอกว่า ผมเคยไปบรรยายให้ VIP ได้ฟังการพูดแบบมืออาชีพ ที่ อ.หัวหิน ในต้น ค.ศ. 2000 ช่วงนั้น การใช้โทรศัพท์มันยังไม่ง่าย ผมมีโทรศัพท์รุ่นตกไม่แตกจมน้ำไม่ช็อต แต่ทว่าคลื่นบอดจึงต้องใช้โทรศัพท์ธรรมดา ราคาต่อนาทีจัดว่าแพง คุยเสร็จก็วางสาย 

ยังไม่ทันจะได้ล้วงเงินจ่ายค่าฮัลโหล ผมเบิ่งตาโตเมื่อมี คุณแม่ยังสาว เดินเข้ามาทักทายว่า “สวัสดีค่ะ จารย์ ไม่ต้องจ่ายค่าโทรนะคะ หนูจัดการให้แล้ว...” ผมขอบคุณและขอปฏิเสธ เธอก็ยังเซ่ดว่า จารย์ เคยช่วยคนที่หนูรัก หนูเคลียร์แค่นี้ยังน้อยไป...” 

ผมเริ่มมีอาการ “สมองเหล่” รำพึงนิดนึงว่า “ผมเคยช่วยแฟนน้องตั้งแต่เมื่อไหร่..." เธอให้การต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่ว่า “จารย์ น่าจะจำได้นะ เราลงจากเครื่องบินขึ้นรถลีมูซีนกันที่ดอนเมือง จารย์ ขึ้นไวได้ที่นั่งก่อน  จารย์ ตาไวที่เห็นลูกสาวหนูยืนโยกไปโยกมา จารย์ ลุกขึ้นยืนให้เขานั่ง เขาจำ จารย์ แม่นมาก 

จารย์ โผล่หน้าในรายการ แซววาที ทีวี ช่อง 9 เขาดึงแขนหนูชี้ให้ดูหน้าจอแล้วพูดว่า แม่ๆ... นี่ไง ลุงที่ลุกขึ้นให้หนูนั่ง!" ดอกนี้ฮาไม่ออก แต่บอกได้เลยว่า ผมมีสองอาการอิ่มอก หนึ่ง “ชื่นใจ คือ เด็กจำได้ว่าผู้ใหญ่ทำดี สอง “ประทับจิต” คือ “ร่างกายมีจิตเป็นสมุด” บันทึกไว้ว่า “ส่งความดีไปได้ความดีมา!”

ค้นเจออีกเรื่องหนึ่ง อ่านแล้วปักหมุดทันควันว่ามัน “ล้นซึ้ง” หมายถึง “มากกว่าสุดซึ้ง” ผู้หญิงคนหนึ่งไปร้านซาลอนให้ช่างผมจัดแต่งทรงก่อนจะไปโรมกับสามี เธอเล่า นั่น โน่น นี่ ให้ช่างฟัง ช่างก็ตอบซะเฟี้ยวว่า “โรมเหรอ? ใครจะอยากไปอ่ะ  มันแออัดและสกปรก ไปโรมให้ระวังโรคบ้า ว่าแต่ว่า คุณจะไปที่นั่นได้ไง”

เธอก็ตอบว่า “คอนติเนนตัล ได้ราคาดีมาก!” ช่างทำผมเธออุทานราวกับผีหลอก “เฮ้ย… คอนติเนนตัล! สายการบินนี้แย่ฝุดๆ เครื่องบินสุดที่จะเก่า บริกรหน้าเหวอ มาสายตะพึด เอ่อ… จองที่พักที่ไหนในโรม”

ลูกค้าบอกว่า “โรงแรมสุดหรู อยู่ริมแม่น้ำไทเบอร์ ชื่อว่า เทสเต” เธอเมนท์ชัดว่า “มันเป็นอะไรที่ห่วยมาก”

ลูกค้าไม่โต้และพูดว่า “จะไปชม วาติกัน คงจะได้พบกับ พระสันตปาปา” เธอขำแล้วแซว “เขาตัวเท่ามด!”

เมื่อกลับมาจากโรม ลูกค้าแวะทำผมร้านเดิม ช่างทำผมถามให้สิ้นสงสัยว่า “ชัวร์ไม่ชัวร์ ออกหัวออกก้อย”

ลูกค้ายืนยัน “มันสุดกั๊งระฆังกู๊ด ไม่ใช่แค่บินตรงเวลานะ ที่นั่งเต็มพรึ่บเพราะราคาถูก บริกรจึงให้เราขึ้นไปนั่งชั้นเฟิร์สคลาส อาหารและไวน์ก็ อาฟเตอร์ชอบ นิ สจ๊วตก็สุดหล่อ เอาใจใส่ทุกรายการที่ชี้ โรงแรมเฟี้ยวฟ้าวราวกับวิมาน เขารู้ตัวจึงปรับปรุงใหม่ ทุ่มเท 5 ล้านเหรียญ กลายเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดตรงจุดกลางเมือง 

คนจองกันเอี๊ยด เขาขอโทษและมอบห้องสวีทให้เราโดยไม่คิดเงินเพิ่ม โชคดีอย่างไม่น่าเชื่อ ช่วงที่เดินชมนครวาติกัน ทหารสวิสเดินมาตบไหล่แล้วบอกว่า ท่านพระสันตปาปา ชอบพบปะกับผู้มาเยือน เราจึงได้เข้าไปในห้องวีไอพี ท่านพระสันตปาปาทักทายเราเป็นการส่วนตัว เราคุกเข่าลงกราบ พระองค์ตรัสสัพยอกกับฉันสองสามคำ...”

หลังจากลูกค้าหยุดพักการปล่อยพิษ ช่างทำผมก็กลืน “อาฟเตอร์ชอบ” ถามอ้อมๆ เพราะกลัวจะโดนแอ้ม 

แถมแอ็คชั่นแก้เก้อว่า โอ้โฮเฮะ จริงเหรอ แล้วได้คุยตามกระแส ปุปะจังหวะฮา กับ ท่าน ว่าไงมั่งไหมอ่ะ?”

ลูกค้ายิ้มแล้วเล่าส่งท้ายว่า “คำทักทายวรรคแรก พระองค์ท่านตรัสถามว่า ใครทำผมคุณยุ่งเหยิง?” (ฮา!) 

พระเถระท่านหนึ่งเคยถามผมว่า “ถ้าเธอเห็นคนเดินเข้าไปในสวนมะม่วง สักครู่เขาก็หิ้วทุเรียนออกมา เธอจะงงไหม” ผมตอบแบบไม่ต้องคิดว่า “เซอร์ไพรส์เลยขอรับ” ท่านยิ้มแล้วส่งคติให้เสียบว่า “เธอ จบ ป.โท ได้ ป. เอก ยังจะ มะโน อยู่อีกรึ แบ่งเวลามาทำสมาธิบ้างสิ อาการ “สมองเหล่” จะได้หายไป มองเฉพาะหน้าสวนก็เห็นแต่มะม่วง ถ้าได้เห็นบริเวณหลังสวนจะเจอทุเรียนอีกหลายต้น”

“อภิ + สาธุ X มหา + อนุโมทามิ” 

พระอรหันต์ผู้บรรลุแล้ว จะไม่สนใจผลดีที่เกิดจากการทำดี  เข้าขั้น  “ทำดีก็ไม่ได้อะไร” คงจะรู้แจ้งเข้าใจว่า เหตุที่ท่านไม่ได้ดีอะไร เพราะท่านมีดีเต็มปริ่มแล้วเป็นนิตย์ จึงไม่ได้ไขว่คว้าอะไรเหล่านั้นไว้ ต่างกับ ปุถุชน ที่ไม่ตุกติกกับลูกค้า เขารู้ชัดว่า บริการดีจะมีกำไร มีน้ำใจก็จะไม่ร้อนอก “ผิดตรงไหนที่ทำดีเพื่ออยากจะได้ดี”