โคอุสุภราช มิ่งมงคล

27 ม.ค. 2567 | 05:22 น.
อัพเดตล่าสุด :27 ม.ค. 2567 | 05:26 น.

โคอุสุภราช มิ่งมงคล คอลัมน์ Cat out of the box โดย พีรภัทร์ เกียรติภิญโญ

นานมาแล้วพระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดดอนยายหอมท่านสร้างวัว เปนวัวสำคัญที่ต่อยอดมาจากวัวธนูปกติของท่าน ให้ชื่อว่า โคอุสุภราช มิ่งมงคล ลักษณาการเปนรูปหล่อโลหะวัวไทยตัวผู้เขาเรียวลักษณะงามงด มีหนอกสูง ร่างเปรียว แต่ทว่ากำยำ ผินหน้าดุดันในความเจือเมตตา ทรงเครื่องถนิมพิมพาภรณ์ อย่างโคเจ้าพิธี ยืนไว้กีบบนฐานโลหะ ประดับรูปกุ้ง_หอย_ปู_ปลา_รวงข้าว สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ 
 
ดอนยายหอมนี่เดิมทีคนเกเรเยอะ ข้าวเขาเกี่ยวแล้วพักไว้รอนวด ก็ขโมยเขา ลักเอากันมาก เจ้าของดูแลไม่ไหวหวาด มากราบเรียน หลวงพ่อในฐานะผู้นำโดยธรรมชาติ หลวงพ่อก็สงเคราะห์ให้โดยการทำวัวธนูปักเอาไว้เฝ้าไร่เฝ้านาในตอนกลางคืน คุณหลวงพ่อแช่มท่านมีกำลังจิตกล้าเเข็ง สามารถสยบวัวพยศต่างๆได้เปนที่รู้กันทั่วทั้งดอนในทางอิทธิคุณวิเศษ
 
อันว่าวัวธนูนี้ ก็เป็นลักษณะของหุ่นพยนต์ชนิดหนึ่ง อาจเรียกได้ว่า เปน A.I. - จักรกลอัจฉริยะในสมัยโบราณ ผู้สร้างใช้อิทธิคุณทางจิตเรียกและประจุให้มีอาการ 32 โดยมีตัวอิทธิคุณทางจิตของผู้สร้างกำกับเอาไว้ อีกที A.I. อัจฉริยะตัวนี้ ที่เรียกว่าธนูเพราะว่ามันมักมีอาการพุ่งไป อย่างลูกธนูออกจากแล่งคันศร

พุ่งไปไหน? ก็ขอเรียนว่าพุ่งไปหาเป้าที่ผู้สร้างตั้งโปรแกรมไว้ เช่นว่า โจรมาลักมาปล้นยังงี้ เช่นว่า เสือมาทำร้ายยังงั้นให้พุ่งไปขวิดไปฟัดเสียให้หมดชื่อเสียนาม
 
เรื่องราวมุขปาฐะ ที่เล่ากันนานมาแล้ว เขามักว่าพระใหม่ออกธุดงค์รอนแรมไปกลางป่า เกิดไปเจอวัดเก่าแลดูร้างเข้าวัดหนึ่งก็ดีใจว่ามีที่พัก แต่ปรากฏว่าที่วัดนี้เหมือนจะไม่ได้ร้าง กลับมีพระอยู่สองสามรูป พระเหล่านั้นดูไม่อาบน้ำสาบสาง ก้มหน้าไม่สบตา ตกกลางคืนพระธุดงค์ เลยว่าต้องวางวัวธนูที่ครูของตัวสร้างไว้ให้เอาไว้นอกกลด กลางดึกก้อยินเสียเสือร้องโฮก โอ้ก ต่อสู้กันกะวัว เปนสามารถ
 
รุ่งสางแล้วจึงเห็นว่ามีเสือโดนขวิดไส้แตกไส้ไหลกันหมด 3 ตัว นอนแห้งแก๋กรังอยู่พระธุดงค์จึงได้รู้ว่าสมิงมันแปลงเปนพระแก่ๆมาดัก อำนาจวัวธนูก็มีด้วยประการฉะนี้ฯ
 
สำนักวัดอื่นๆทั้งสงฆ์และฆราวาสมีความสามารถสร้างวัวธนู ควายธนูกันหลากหลาย ทว่าที่สวยงามในทางศิลปะต้องขอยกให้วัวธนูจักสาน ที่ใช้ตอกไม้ไผ่สองอันสานขัดกันขึ้นรูปเปนวัวมีเขา ส่วนครูบาเก่าเก่าชาวล้านนาใช้ไม้หรือไม่ก็เขาวัวนั่นแหละแกะสลักขึ้นรูปแบนๆแล้วเชือกสายสิญจน์มัดหนอกผูกไว้เปนคู่ๆ งามมาก

นอกจากนี้อาจจะทำจากผงและดินปั้น ที่น่าสนใจคือทางปักษ์ใต้นั่น พ่อท่านจันทร์ สุเมโธ วัดทุ่งเฟื้อสร้างควายธนูเนื้อผงแต่ควายนั้นมีซีกเดียว! ท่านให้เหตุผลว่าถ้าประกบครบตัวก็อันตรายเกินไป เลยทำให้เลย ทำให้ ใช้ ในลักษณะ ภาพ นูน ต่ำ เป็น ควาย ธนู ครึ่งตัว แทนที่จะปั้นให้เต็มแบบ
 
ในยุคถัดมาจึงเริ่มหล่อโลหะ ครูบาเมือง วัดท่าแหน ลำปาง ท่านทำวัวธนูทรงเครื่องได้สวยงาม ชะรอยจะวัวขาวลำพูน เปนต้นแบบเสียกระมัง
 
อันว่า วัวขาวลำพูนนี้ มีสัดส่วนผลงานเข้าทีเป็นสัตว์สปีชี่ส์ที่สวยงามน่าพิศวง บรรทัดนี้ก็อยากก็ขอเชิญชวนท่านผู้อ่านนึกภาพถึงวัวในการพระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ที่เราท่านเรียกกันว่าพระโค หลังมานี้พระโคขาวคู่จะเป็นพระโคขาวลำพูนเสียทั้งหมด ค่าที่มันสวยและสง่าแบบไทยๆ มันโคพื้นเมืองที่เกิดจากฝีมือการพัฒนาสายพันธุ์มานาน ร้อยๆ ปีของชาวบ้านในจังหวัดลำพูน มีเลี้ยงกันแพร่หลายในลำพูนเชียงใหม่ แล้วแพร่กระจายไปยังลำปาง พะเยา เชียงราย  บางท่านเล่าว่าเกิดจากการกลายพันธุ์ของโคพื้นเมืองในสมัยพระนางจามเทวี ผู้ครองนครหริภุญไชยพระองค์แรก เมื่อ ๑,๓๔๐ กว่าปีมาแล้ว และเป็นสัตว์คู่บารมีของคนชั้นปกครองในสมัยนั้น ใช้ลากเกวียน ในตำราฝรั่งบางเล่มกล่าวว่า ต้นตระกูลของโคพื้นเมืองในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ น่าจะเป็นโคยุโรปที่ไม่มีหนอกซึ่งต่อมาถูกผสมข้ามโดยโคอินเดียที่มีหนอก ส่งผลรวมกัน คือมีเหนียงคอสั้น หน้าผากแบน และหูเล็กแบบโคยุโรป มีหนอกแบบโคอินเดีย
 
โคขาวลำพูนนี้มีลักษณะเฉพาะตัว คือ มีสีขาวปลอดทั้งตัว ซึ่งแตกต่างจากโคสีขาวพันธุ์อื่น ๆ ที่ปาก จมูก ขอบตา กีบ เขา และพู่หางสีดำ แต่โคขาวลำพูนจะเป็นสีขาวทั้งหมด เนื่องจากมีลำตัวสีขาวจึงทำให้ทนความร้อนจากแสงแดดได้ดีเป็นพิเศษ โคขาวลำพูนนับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมและสังคมเกษตรกรรมของบรรพบุรุษชาวล้านนา ได้อย่างหนึ่งเลยทีเดียว


 
กลับมาที่ตรงพระโคอุสุภราช มิ่งมงคล อันว่าโคอุสุภราชนี้ ท่านว่าแต่เริ่มเดิมทีแล้วเป็นพระโคเผือก_เปนพาหนะของพระศิวะเจ้าโน่นเลย
 
กำเนิดมาจากเมื่อครั้งกวนเกษียรสมุทร พระกัศยปะเทพยบิดรทรงแต่งตั้งลูกโคชื่อนนทิของแม่โคสุรภี ผู้เปนโคสารพัดนึกบันดาลอะไรๆได้หลายอย่าง เปนที่ “อุสุภราช”
 
คำว่า อุสุภ หมายถึง วัวตัวผู้ 
 
คำว่า อุสุภราช คือ พญาวัว หรือราชาแห่งโคทั้งปวง 
 
ถือเป็นเครื่องหมายแสดงความสามารถของบุรุษผู้นักรบ และได้เชื้อแม่ทางความพิเศษสารพัดนึก ส่วนคำว่าเผือกนี้ได้บรรยายไว้หลายครั้งแล้วว่ามันไม่ได้แปลว่าสัตว์เผือกจะขาวทั้งหมดตลอดตัว คำว่าเผือก เป็นยศคำว่าเผือกเป็นตำแหน่ง ของพญาสัตว์ ไม่ใช่สีขาวปลอดทั้งหมดหามิได้
 
โคเผือกอุสุภราช กายสีดำทั้งตัว มีส่วนด่างสีขาว ๗ ตำแหน่ง คือ หน้า หนอก หาง และเท้าทั้ง ๔ กลอนเก่ามีว่า “โคอุสุภราชร้ายกาจรณรงค์ สูงใหญ่ สี่เท้าด่างผ่องยองใย  หางขาวอำไพโสภา หน้าแด่นดั่งใบโพธิ์ทอง ขับคล่องว่องไวใจกล้า ผูกเครื่องอร่ามทั้งกายา  แต่ล้วนมหาเนาวรัตน์”
 
ทีนี้ก็จะชัดเจนขึ้นว่า นนทินั้นท่านมีตำแหน่งเปนอุสุภราชพญาแห่งวัวเมืองไทยแต่เดิมมา มีดวงตราพระโคอุศุภราช ใช้ในการพระราชทานที่ดิน หรือสิ่งก่อสร้างที่พระมหากษัตริย์พระราชทานอุทิศผลประโยชน์แก่วัด หรือศาสนา (กัลปนา)


 
นอกนี้โคอุสุภราชปรากฏในลายมงคล ๑๐๘ ประการบนรอยพระพุทธบาทชื่อ อุสภราช ซึ่งเป็นพระยาในหมู่โคจำนวนร้อย โดยคุณสมบัติของโคอุสุภราชเปรียบดังโลกุตรธรรม ๙ เป็นสัญลักษณ์แห่งความอุดมสมบูรณ์ ความศักดิ์สิทธิ์ และเป็นศิริมงคล 
 
ตอนที่พระลักษณ์ถูกหอก ยาแก้นอกจากสังกะระณีตรีชวาแล้ว ต้องใช้มูลโคอุสุภราชด้วย จะเห็นได้ว่าตามเทวะวรรณคดีแต่เดิมมาขี้วัวก็ยังมีอิทธิคุณพิเศษ ปีที่แล้วนี้นักษัตรมันจัดเข้าปีเสือ ประดาหมอดูผู้รู้ก็ว่า มันแร็งส์นะปีนี้ นี่เสือมันกัด เสือมันไฟ ปีวอกนี่อันตรายมากชง 100% ปีขาลด้วยกันชง 50% ปีไหนๆก็อันตราย ว่างั้น
 
หากว่าคนเราลงเชื่อทางนี้แล้วไซร้ มันต้องไปต่อที่ว่าหาของมาแก้เคล็ดดวงชะตาไอ้ประดาเสือที่ว่าแน่ๆนั้น มันแพ้อยู่อย่างหนึ่งคือวัวโดยเฉพาะวัวธนู วัวพยนต์ ดังกล่าว 55
 
คราววัดโพรงตะแบก จะสร้างโบสถ์หลวงพ่อแช่มท่านก็เสกวัวพยนต์ธนูไปช่วยงานให้วัวจำหน่ายหาเงินทำพระอุโบสถ เขาตอกโค้ดต่างๆที่พุงวัว แต่ของท่านเองไม่ได้ตอก ทำอยู่สองคราว พอเมื่อโรงพยาบาลนครปฐมจะสร้างตึกใหม่ต้องระดมทุน ท่านก็เมตตาจัดสร้างวัวธนูทองคำให้จำหน่ายหาทุนอีก
 
มาบัดนี้วัวเล็กรุ่นแรกทองแดง ราคาถึงสองหมื่นแล้วด้วยคนเจอประสพการณ์คุ้มภัยได้ผลน่าประหลาด รุ่นสองหล่อด้วยนวโลหะ อาถรรพ์เข้มขลังออกสีเขียวก้านมะลิ ตามสูตรวัดดอนยายหอม เขียวปั้ดและเปนมันเงา กล้ามเนื้อสวยงามออกมัด ก้มหัวรอขวิดมันทั้งเสือทั้งของอัปมงคล นับเปนของศิลปะวัตถุที่กาลเวลาทำอะไรไม่ได้เลย
 
ส่วนวัวอุสุภราชมิ่งมงคลราคาขึ้นถึงหลักแสนมีทั้งวัวเล็กและใหญ่ แต่ทว่าหาได้ค่อนข้างยากเพราะผู้คนไม่ค่อยนำออกมาเปลี่ยนมือกัน


 
เวลานี้ลูกสาวอดีตนายกฯคนเหนือ จะทำ soft power ก็ขอวอนวิงว่าอย่าลืมศิลปะวัตถุเชิงมนุษยวิทยาที่ประดาผู้คนสมัยก่อน มีความเมตตากรุณารักพวกรักพ้องลูกศิษย์ พยายามทุกประการที่จะทำให้คนทั้งหลายเหล่านั้นอยู่รอดปลอดภัยและมีความสุขตามอัตภาพ เนื่องจากสมัยก่อนยังไม่มีไฟฟ้า การประปาบริการสาธารณะ ตำรวจ กู้ภัยก็ไปไม่ถึง ภัยอันตรายต่างมีมากมาย ภูตผีปีศาจ (ในนามไข้ป่าสารพัด)หลอกหลอนชาวบ้าน โจรขโมยชุกชุม ลูกศิษย์ลูกหาก็ขอร้องท่านให้สร้างเครื่องรางป้องกันคุ้มภัยให้รอดทั้งจากคุณไสยมนต์ดำ ไข้ป่าทรพิษ ให้อยู่ยงคงกะพัน มีอำนาจวาสนาบารมี แก้เรื่องร้ายกลับกลายเป็นดี ฯลฯ ทั้งนี้ อิทธิวัตถุอย่างวัวธนูของพวกท่านก็กลับมีข้อห้ามบางอย่าง ซึ่งระบุว่าถ้าปฎิบัติได้จะใช้ดีมากๆ ถ้าทำผิดก็จะไม่คุ้มครอง เปนกุศโลบายควบคุมผู้คนในสังคมให้ละอายต่อบาปอีกทางหนึ่ง