สัตว์ป่าน่ารักที่ บ้านเขาใหญ่

27 เม.ย. 2567 | 04:26 น.

สัตว์ป่าน่ารักที่ บ้านเขาใหญ่ คอลัมน์ Cat out of the box โดย พีรภัทร์ เกียรติภิญโญ

ดังได้เล่าเเล้วว่าวานนี้อยู่ๆนกยูงก็บินมาบ้าน มาเที่ยวเดินสำรวจร้องโป๊กเป๊กๆ แต่ไม่รำแพนพวยหาง คงจะรอตัวเมียมาเสียก่อนละกระมังถึงจะโชว์ ก็ทำให้นึกถึงว่า ในทางอิทธิคุณของนกยูงนี้ ยังมีอยู่ท่านหนึ่งที่ใช้รูปนกยูงเปนยันต์ประจำตัวนั่นก็คือ ท่านเจ้าคุณพระภาวนารัตนญาณ ครูบาอริยชาต อริยจิตโต ผู้รูปงาม ท่านผู้นี้ยามเทศนาข้อธรรมเสียงดังกังวาฬชัดแจ่มแช่มชื่น ทว่า กิริยาขึงขังเมื่อจำเปน ก่อนจะรับพระราชทานยกขึ้นเปนเจ้าคุณพระภาวนารัตนญาณ วิ. ที่วัดแสงแก้วโพธิญาณ อำเภอแม่สรวยแห่งท่าน ก็เนืองแน่นผู้คนมาพักหนึ่งแล้ว ด้วยว่าท่านเจ้าอารามทรงวิทยาคุณมาแต่ยังเยาว์ เท่าที่ได้สัมผัสท่าน ก็แลว่าท่านปฏิบัติสำรวมตามแนวครูครองจีวรลังกาวงศ์ตามครูอาจารย์ของท่าน คราวรับนิมนต์ลงมากรุงเทพฯ ได้ชักยันต์นกยูงทองอันเปนยันต์ประจำตัวของท่านให้แก่ลูกศิษย์บนโต๊ะทำงาน บนกระดานประตู ด้วยกิริยานุ่มนวล เด็ดเดี่ยว ส่วนที่วัดนั้นหลังอาสนะของครูบาเปนไม้สักรูปนกยูงรำแพน แวดล้อมด้วยพระพุทธรูป พระโพธิสัตว์เทวรูปธงมนต์แบบวัชรยาน จากรูปแลเห็นตัวสี่หูห้าตาสัตว์กายสิทธิ์ ตั้งอยู่ปลายเท้าท่าน (เขียนเล่ารายละเอียดสัตว์ประหลาดชนิดนี้ไว้แล้วในตอน แมงสี่หูห้าตา)


 

แทรกไว้ ณ บรรทัดนี้ว่า หากว่าจำลองภาพสัตว์ป่าน่ารักทั้งหลายที่แวะมาเยี่ยมหาที่บ้านเขาใหญ่นี่ ออกมาเปนศิลปะคิวบิสม์จะเปนอย่างไรบ้าง? ก็ได้เดเมี่ยน ณัฐธวัช อีกนั่นแลแกสร้างสรรค์ ผูกเอาความสัมพันธ์ของสัตว์ป่าละแวกนี้มาสร้างเปนภาพสีน้ำมัน ได้ 7 ตัว คือ หมาป่า แมวป่า หมี นกป่า งูเด็ก และหนู โดยมีสัตว์กายสิทธิ์อย่างตัวสติทช์ มาร่วมอยู่ด้วย
 
หมาป่ามันจะผอมๆแฮ่ๆ และสีดำสลับเหลือง แผงคอของมันยังเซอะเซิงอยู่ ขาก็กลมยังไม่เปนเหลี่ยมคมสัน ต่อเมื่อโตใหญ่จึงได้กลายเปนหมาป่าสีเงินยวง มีกำลังมาก วิ่งได้ไกล
 
แมวป่าก็ลักษณะอย่างว่าแมวลิ้งซ์ แต่ยังเปนแมวเด็กก็หลบๆซ่อนๆในป่ามาก่อน เติบใหญ่ราศีปีขาลก็ปรากฏกลายเปนแมวครึ่งเสืออย่างว่าเสือปลา เสือลายเมฆ

หมีคลั่งก็ปกติเปนหมีใจดี ยิ้มง่ายชอบกินขนมฝรั่งอร่อย ให้ความอบอุ่นแก่พี่น้อง คนเราอย่าแหย่หมี หมีจะกัดได้เพราะคลั่งแม้มันโอบอ้อมก็ตามที
 
ตัวสติทช์ เปนตัวประหลาด ทำอะไรวิเศษๆได้เยอะ เหมือนตัวอวกาศตัวกายสิทธิ์มีอิทธิฤทธิมาก เอามาใส่ไว้ตามท้องเรื่องที่มีสัตว์วิเศษ
 
ส่วนเจ้างูดำยังเล็กอยู่ เคลื่อนไหวปราดเปรียว ตอนนี้ยังเปนงูอีกหน่อยอาจโตขึ้นเปนมังกรก็ได้
 
ข้างนกป่า เกิดมาบินเอง หาอาหารเอง ทำอะไรเองได้หมด ไม่ต้องสอน เก่ง
 
เหลือหนูตัวเล็ก ฉลาดเรียนรู้ไว มีความกล้าหาญ
 
ทั้งหมดนี้สะท้อนความเปนไปหลายๆอย่างในผืนป่าแห่งนี้ และมีความเปนไปได้ที่ประดาเจ้าสัตว์ทั้งหลายนี้เปนพี่น้องกัน ประสานกำลังกัน ภาพนี้จึงให้ชื่อว่า ‘กำลัง 7 พี่น้อง’- Seven Brothers’ Corporation เก็บเปนคอลเลกชั่นภาพเขียนสีน้ำมันแห่งบ้านเขาใหญ่ ด้วยเดเมี่ยนแกสร้างงานแล้วก็สร้างเลยไม่ทำซ้ำ และประดานักสะสมงานศิลป์จากฮ่องกงเซี่ยงไฮ้ก็เริ่มมาอุ้มงานวาดของแกกลับไปเชยชมที่เมืองจีนหลายเจ้า


 
ทีนี้ก็กลับมาเรื่องนกยูง หากจะอ้างถึงว่าอันว่านกฮูกนั้นทางเหนือนับเปนสัญลักษณ์อย่างหนึ่ง_ถึงปัญญา ด้วยว่านกฮูกมีสายตาพิเศษ มองฝ่าความมืดซึ่งเทียบเท่าอาสวะกิเลสเปนหนทางค้นพบมรรควิถีบรรลุธรรมแล้วไซร้นกยูงเองนั้นก็มีศักดิ์สูง เปนยอดนกในป่า ในพม่านับถือว่าเปนสัญลักษณ์มงคลของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน
 
ในบทสวด 12 ตำนาน ยังมีปริตรหนึ่งกล่าวถึงนกยูงทอง_ครั้งพระพุทธเจ้าเสวยชาติเปนพระโพธิสัตว์นกยูงทอง เรียก โมระปริตร บทปริตรนี้ถือกันว่ามีอานุภาพคุ้มครองป้องกันภัยดีนัก หัวใจคาถาปริตรนี่มีว่า “นะโมวิมุตตานัง นะโมวิมมุตติยา - ข้าพเจ้าขอนอบน้อมต่อท่านผู้สำเร็จ ความนอบน้อมของข้าพเจ้าจงมีต่อวิมุตติธรรม”
 
หัวใจคาถานี้ พระป่ากรรมฐานก็นิยมพิจารณา หากท่านจะมีโอกาสสังเกตก็จะพบว่าปรากฏอยู่เหรียญพระเจ้าตากสิน น.ย. ปี2518 ในฉบับก่อนๆ ซึ่งครั้งกระนั้นผู้บัญชาการหน่วยนาวิกโยธิน พยายามหาสิ่งมงคลสักการะไว้บำรุงขวัญทหารจึงดำเนินการจัดสร้างและขออาราธนาพระอาจารย์ฝั้น อาจาโรแผ่เมตตาอธิษฐานปลุกเสก นำภาพมาลงประกอบไว้ให้แล้ว ณ ที่นี้
 
วันหนึ่งครูบาอริยชาตท่านมาหน่วยราชการเขาเลี้ยงพระ ได้ไปคอยอังคาสพระอยู่ ท่านเห็นคนมุงมาก ท่านก็ว่า อย่าดูพระกิน ไม่ดีๆ ให้กลับหลังหันให้หมดเลยโยม ทุกคนก็กลับตัวทิ้งแผ่นหลังใส่ครูบาตามสั่ง ท่านหันมาเห็นว่าเหลืออยู่คนเดียวไม่หันก็แปลกใจ จึงกราบเรียนท่านว่าตามธรรมเนียมมันต้องมีสักกะคนล่ะขอรับ ที่ต้องอยู่อังคาสพระ ท่านยิ้มน้อยๆเอามือป้องปากมิให้เห็นฟัน (พระยิ้มเห็นฟันมิได้_อาบัติ) กล่าวชมว่า ‘งานอนุรักษ์นี่ก็เหลือแต่โยมพี่นี่ล่ะโลกนี้’
 
(อังคาส คือ ปรนนิบัติพระ เพราะบางทีพระขออะไรๆรึหยิบจับเอาเองไม่ได้ผิดกฎ คนต้องคาดเดากะเก็งความต้องการแล้วหยิบจับถวายปรนนิบัติ)
 
ครูบาออ ไทใหญ่ท่านก็ทำนกยูงทอง ทางไทใหญ่มองว่ายูงทองเปนราชินีแห่งสัตว์ทั้งปวง เปนแม่ของโลก ย่อมเปนเจ้าแห่งเงินทอง ศิริมงคล ทรัพย์สินโภคสมบัติแห่งป่าและขุมทรัพย์ทั้งปวงที่บังเกิดในโลกนี้
 
อนึ่งว่านกยูงนี้นั้นก็งามสง่าเวลารำแพนหาง สัตว์ทั้งป่ายังต้องหยุดมอง นิทานพรานป่าไทใหญ่ว่า มันแพนหางเมื่อใดช้างต้องหยุดประสมโขลง สิงห์สัตว์ ต้องหยุดเดิน หยุดวิ่งหยุดกินอาหาร ปลาหยุดว่าย นกหยุดบิน เพราะมันตะลึงตะลาน ข้างเสียงมันร้องก็ไพเพราะดุจเสียงพรหม สิงห์สัตว์ได้ยินก็ต้องหยุดฟังเช่นกัน มันสะกดใจสัตว์ได้ ใจคนได้อย่างนี้ มันย่อมสะกดทรัพย์สินเงินทองให้หลั่งไหลเข้ามาได้อย่างเดียวกัน มันจึงเป็นเจ้าแห่งใจ เจ้าแห่งทรัพย์ เมื่อพกพามันไปด้วย ก็จะสะกดใจผู้คนรอบข้าง ที่เขามีเงินทองก็ให้ใช้ ที่เขามีโอกาส ก็ให้โอกาส ใครเขามีอะไรก็มอบให้ด้วยยินดี
 
ครูบาออ เทศนาเพิ่มว่า ขอให้เปนคนสู้ชีวิต ไม่ย่อท้อ ไม่เกียจคร้าน ทำการงานค้าขายสิ่งใด สมความปรารถนาในสิ่งนั้นแล้วไม่นานก็มีเงินสะสมเก็บออม ไม่นานก็เปนเศรษฐี มหาเศรษฐี
 
ทีนี้ก็ว่ากันต่อถึงเจ้างู งูสีม่วงฟ้าๆ เลื้อยมารอลอกคราบอยู่โคนต้นโบตั๋น คนสวนตาไวตามประสาชายผู้ซึ่งอยู่บนไร่ป่าราวดอย สัญชาตญาณและประสพการณ์บอกเขาว่าต้องตี ตีให้หลังหัก พลางส่งเสียงร้องบอกผู้อื่นให้รู้ตัวว่ามีสัตว์พิษเข้าบ้าน ประกอบกิริยาเงื้อง่าคว้าไม้ จึงร้องไปห้าม และลองเจรจากับงูดู ผู้คนแถวนั่นก็ว่า เอ้_เจ้าของบ้านนี่ท่าจะบ้า จะมาพูดจาอะไรกับอสรพิษ!
 
อันคนเรานั่นถึงแม้จะมิใช่คนดี แต่ก็ต้องมีของดีกันอยู่บ้าง มิยังงั้นจะไปกล้าบ้าบิ่นอะไรขึ้นมาคุยกับงู _ปั้ดโถะ!! ของดีอันนี้ก็คือปากกางู _Montblanc Heritage Serpent : rouge et noir ก่อนเข้าฤดูฝนปี 61 ฝูงชนผู้มีศรัทธาไปสร้างฐานพระใหญ่ เมืองเก่าจันเสน ได้เข้าใจสัจจะวาจาประการหนึ่งซึ่งท่านผู้มีวิชชาริเริ่มสร้างพระใหญ่นี้เอ่ยเอื้อนแผ่วเบา ราวกับไม่อยากจะบอกใคร
 
“คนเปนผู้นำคนเปนผู้ใหญ่ไม่ว่าที่ไหนเมืองใดเขาต้องมีสองอย่าง มีปัญญา กับมีของวิเศษ” ไอ่เรื่องปัญญานี้ไม่ต้องพูดกัน ควรจะหันมาพูดกันเรื่องของวิเศษจะสนุกกว่า
 
พระเดชพระคุณพ่อท่านช่วง วัดควนปันแต ท่านได้มีเมตตาอธิบายจิตศาสตร์ลึกลับเกี่ยวแก่การที่คนทั่วไปเรียกกันว่า”ปลุกเสก”เอาไว้นานแล ซึ่งไม่ได้แพร่งพรายขยายข่าว เอาว่าเปนวิทยาการทางจิตสำหรับคนลงมือทำ_action มากกว่าคนจับจดเที่ยวสงสัยใฝ่เฝ้า55 ท่านว่ามันสำคัญที่ “ธาตุ” ตั้งธาตุก่อน แล้ว หนุนธาตุ ถ้าจำเป็นก็แปลงธาตุ แล้วจึงตรวจธาตุอีกที ว่าพร้อมจะวิเศษแล้วหรือยัง
 
พระเดชพระคุณหลวงพ่อเงินวัดดอนยายหอมได้กรุณารจนาทิ้งไว้เปนข้ออรรถาธิบายเรื่อง “ธาตุ” นี้ว่า 
 
“เมื่อธาตุแตกแยกย้ายทำลายหมดโลกสมมติก็เรียกว่าถึงอาสัญแท้ที่จริงมิใช่ใครวายชีวันแต่รูปพลันสูญดับไปกับนาม”
 
กราบบูชาคุณอนุสาสนีย์ท่านเจ้าคุณอาจารย์ด้วยเศียรเกล้าไว้ ณ บรรทัดนี้ 
 
พ่อท่านช่วงพระครูสืบวิชาท่านอาจารย์เน เวลาเสกอะไรแล้วทำตามลำดับพิธีการบูชาพระรัตนตรัย อัญเชิญครู ตกลูกประคำเดินจิตแล้วจึงเข้ากระบวนการ ตั้ง-หนุน-แปลง-ตรวจ-“ธาตุ” ประจุเอาอำนาจจิต ชาร์จเข้าในอิทธิวัตถุที่มีธาตุสมบูรณ์นั้นๆ ให้เรื่องรองด้วยคุณวิเศษ วิเศษยังไง เอ้า_ ก็ทีไอโฟนทำอะไรๆวิเศษได้หลายอย่างดูหนังฟังเพลงวัดคลื่นหัวใจเรียกแท็กซี่ พอแบตหมดเข้าก็กลายเปนธาตุพลาสติกปนแก้วธรรมดา แต่ถามว่าถ้าสตีฟ จ็อบส์แกไม่ตั้งธาตุพลาสติกแก้วยางรวมกันกับวงจรมาให้ดี หนุนเข้าเปน รูปธาตุมีระยะพอดีระหว่างปากกับหูแล้วไชร้ไหนเลยจะแปลงกระแสไฟฟ้ากลายเปนคลื่นอิเลกทรอนิกส์ไปทำการวิเศษสมนาคุณต่างๆให้แก่ผู้ซื้อมาใช้ได้? ฉันใดก็ฉันนั้น 
 
ปากกามองบลังค์ เฮอริเทจ รูจ เอท์ นัวร์ รูปงูกระดกหาง นี้ ท่านผู้สร้างไม่เรียกปากกา แต่เรียกว่า writing instrument สื่อความหมายเปนไปได้ มากกว่าปากกาเขียนหนังสือ
 
ปากกานี้เคยได้สร้างขึ้นครั้งหนึ่งเมื่อ 100 ปีมาแล้ว มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์สูง ด้วยเปนครั้งแรกที่ใช้เทคโนโลยีป้องกันหมึกซึมรั่วได้สำเร็จ เวลานี้ครบวาระศตวรรษได้จัดสร้างขึ้นอีก      
  
(ต่อตอน 3)