ยุคหนึ่งร้านขายของชำแบบว่าอยู่บนถนนเส้นหลักในเมืองใหญ่ๆ จะต้องมีตู้แช่สแตนเลสใบหนึ่ง น้ำแข็งเกาะหนาตึ้ก มีประตูกระจกชั้นบน ตั้งจำหน่ายน้ำเก๊กฮวยเปนแก้วๆ รสหวานๆหอมๆเย็นๆ 2 บาท ต่อแก้วราคา เจ้าของร้านต้มไว้เสริมรายได้วันที่อากาศร้อนและคนรอรถเมล์หิวกระหาย55
ในขณะที่น้ำจับเลี้ยงจะมีชายชรา ทำการต้มอย่างว่าเปนยาเฉพาะกิจ มีรถเข็นเปนการเปนงานอยู่ใกล้ๆ ทำนองว่านี่เปนยานะ ไม่ใช่น้ำหวานกินชื่นใจธรรมดา
คำว่าจับ ก็คือจั๊บ แต้จิ๋วแปลว่าสิบ เหลี่ยงหรือว่าเลี้ยง ก็แปลว่าเย็น ยามเมื่อเวลาคนใจร้อนทำอะไรแล้วหุนหันพันแล่นคนที่สุขุมกว่าเป็นผู้ใหญ่กว่าก็จะพูดคำว่า ‘เหลี่ยงเลี้ยงน่อ’ เย็นไว้น่าๆ
รวมความว่าจับเลี้ยง ก็คือรวมของเย็นสิบอย่าง เอามาต้มด้วยกันกินแก้ร้อนใน
ยามคนเราเป็นร้อนในนั้นมันทรมานเพราะมันจะมีตุ่มพุพองผุดขึ้นในกระพุ้งฝีปาก ร่างกายอึดอัดร้อนรุ่ม ถ่ายไม่ออก ลิ้นหนาเปนฝ้าขาว
ท่านผู้มีวิชาสมุนไพรก็จะเริ่มปรุงน้ำจับเลี้ยง โดยเอารากหญ้าคามาใส่กับเมล็ดในพร้อมเยื่อของฝักเพกาลิ้นฟ้ารสขม ใส่ลูกอรหันต์หล่อฮังก๊วยหอมรื่น ดอกเก๊กฮวยสีเหลือง ใบบัวน้ำ บัวบก ใบไผ่ รากบัว หญ้าเฉาก๊วยสมุนไพรจีนอีกสองสามอย่างตามลักษณะที่ว่าสูตรใครก็สูตรใคร มาต้มให้ปุดๆในหม้อดินแล้วกรอง
บางคนดัดแปลงสูตรให้ขม แล้วแยกเป็นยาขมรสเย็น ใช้แก้ฤทธิอักเสบร้อนในอย่างรุนแรงรวดเร็ว บางคนอาศัยหวานในหล่อฮั้งก๊วยทำการแทนน้ำตาล แยกเปนจับเลี้ยงหวานอ่อนปะแล่มๆกินแก้จิตใจร้อนรุ่ม_เหลี่ยงเลี้ยง
พวกวัยรุ่นอยากกินจับเลี้ยงบ้าง ท่านเจ้าของรถเข็นก็จะเติมน้ำตาลกรวด ให้หวานนุ่มชุ่มคอ ส่วนถ้านักร้องมาท่านก็ไพล่ไปใช้น้ำตาลแดง (โอวทึ้ง) มาช่วยบำรุงเส้นเสียง บันทึกไว้บรรทัดนี้ว่านักร้องเสียดีสมัยก่อนกินลองกองตันหยงมาศให้มันกัดล้างเส้นเสียงผลิตสำเนียงหวานรูหู
วันนี้ที่ตลาดใหม่ทันสมัย ต้นไม้ชายคาเสนีย์บางแค แกต้มไว้หลายแบบล้วนเปนแบบหวาน หม้อหนึ่งใช้ต้นหญ้าหวานทำรส อีกหม้อใช้น้ำตาลกรวด คนมาซื้อกันมาก กินแล้วเย็นจิตเย็นใจ_เหลี่ยงเลี้ยง