ปี 2526 ราเม็งเตอิ เขาเปิดสาขาแรกที่สุรวงศ์ ให้บริการ บะหมี่ราเม็งน้ำสำหรับลูกค้าญี่ปุ่นระดับซาโจ้ ผ่านกาลเวลามาจนบัดนี้ ในยุคปี 36-46 รับประทานของเขาเปนประจำที่สาขาหลังสวน
เมนูเด็ดเด่นดวง คือตับหมูผัดเครื่องของเขา รับประทานกับมัสตาร์ด เหลืองฉุน ชูรสให้สุขุมขึ้นมาได้อย่างใจ กินกับข้าวญี่ปุ่นผัดไข่หอมโชวยุ รสชาติตรงไปตรงมาดีมากๆ
อนึ่งว่าถ้ามาร้านนี้แล้วจะดื่มเครื่องขมมีฟอง เขาจะยำถั่วใส่ข้าวเกรียบมารับรองให้ กินเพลินๆระหว่างรอลูกค้าที่นัดมาสำราญกับอาหารมื้อค่ำ
วันนี้มีโอกาสผ่านไปที่อาคารยูเอฟเอ็ม สุขุมวิท 39 ก็ได้จังหวะที่จะรำลึกความหลังกับราเม็งเตอิ จึงต้องสั่งเกี๊ยวซ่าเนื้อบางของเค้ามารองท้องแล้วก็ต่อด้วย ราเม็งแบบ Original ดั้งเดิมคือ เส้นบะหมี่เหลืองเนื้อแข็งลวกในน้ำซุปชิโอหรือปรุงรสแค่เกลือ ใส่ผักกวางตุ้ง ไข่ต้ม งาขาว หอมสับ และของดีที่เค้าทำได้อย่างมีฝีมือมานานก็คือหน่อไม้ โปะหน้าด้วยหมูอบซีอิ๊ว อย่างว่าชาชู หั่นบาง
ท่านที่คลั่งไคล้ในบะหมี่ราเมงของญี่ปุ่นอาจจะไม่ประทับใจในความเรียบง่ายตรงไปตรงมาของราเมงเตอิ แต่มันคงเป็นความจำเป็นชนิดหนึ่งของนักชิมที่จะต้องเข้าใจในความลึกซึ้งของความเรียบง่ายเป็นพื้นฐานเสียก่อน จึงจะต่อยอดไปสู่ความ wish list สมาหลา 55 ส่วนท่านที่ไปไกลแล้วบางทีก็อาจถึงเวลาที่จะ back to basic
จานต่อมาขอเชิญท่านชิมอาหารที่มันเบสิคมากๆก็คือข้าวหน้าหมูทอด ข้าวญี่ปุ่นเกรดดีที่สุดหุงมาเต็มเมล็ดไม่แฉะ ค่อยๆโปะหน้าด้วยหมูทอดไข่ในน้ำซุปดาชิดำใส่มิริน แต่งด้วยเมล็ดถั่วลันเตาเล็กน้อย ราบรื่นและเรียบง่าย มีผักดองหลายชนิดทั้งแตงกวา ไชเท้าอ่อนและผักกาดเคียงให้ พร้อมน้ำซุปโรยใบหอมสับให้คล่องคอ
ราเม็งเตอิ เข้าใจคนไทยจัดเตรียมพวงเครื่องปรุงคุณภาพชั้นดีเอาไว้บริการไม่ขาดมือ ทั้งน้ำส้มสายชูขาวใสน้ำมันงาคั่วพริก พริกไทขาวป่น ฯลฯ
อย่างไรแล้วก็ขอให้ปิดท้ายด้วยข้าวราดหน้ารวมมิตรทะเล ลักษณะอาจจะคล้ายอาหารจีนแต่ในรสชาติราดมาของญี่ปุ่นนั้นคนละเรื่อง รับประทานร้อนร้อน อิ่มท้องอุ่นอุ่นสำหรับมื้อเย็นก่อนเข้านอน