ธุรกิจครอบครัวหลายล้านบริษัทมีคู่สามีภรรยาเป็นเจ้าของและดำเนินธุรกิจร่วมกัน รายงานของ Wall Street Journal ระบุว่าเฉพาะในสหรัฐฯ ธุรกิจประมาณ 1.4 ล้านราย มีสามีและภรรยาเป็นเจ้าของร่วมกันและดำเนินงานอย่างเท่าเทียมกัน ขณะที่ธุรกิจอีก 1.7 ล้านรายสามีและภรรยาเป็นเจ้าของร่วมกันแต่ดำเนินงานโดยสามีเป็นหลัก และอีก 600,000 รายที่ดำเนินงานโดยภรรยาเป็นหลัก
อย่างไรก็ตามพบว่าการแต่งงานจำนวนมากจบลงด้วยการหย่าร้าง และปัญหาที่มักเกิดขึ้นคือการตัดสินใจเกี่ยวกับอนาคตของธุรกิจ ดังนั้นสำหรับคู่สมรสที่เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจแล้ว การหย่าร้างจึงเป็นทั้งความท้าทายและโอกาส มาดูกันว่าการหย่าร้างมีทางเลือกของอนาคตธุรกิจที่คู่สมรสเป็นเจ้าของอย่างไรบ้าง
ทำความเข้าใจว่าสิ่งใดถือเป็นทรัพย์สิน ในประเทศที่ใช้กฎหมายสินสมรส (Community Property) ซึ่งหมายความว่าทรัพย์สินที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้รับระหว่างการแต่งงานจะถือเป็นทรัพย์สินของทั้งสองฝ่ายเมื่อมีการหย่าร้าง กฎหมายสินสมรสอาจมีผลกระทบอย่างมากต่อธุรกิจ เช่น
แม้คู่สมรสเพียงคนใดคนหนึ่งเท่านั้นที่เป็นเจ้าของธุรกิจและก่อตั้งธุรกิจก่อนการแต่งงาน มูลค่าที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจตลอดช่วงระยะของการแต่งงานอาจเป็นของคู่สมรสทั้งสองคน ดังนั้นสำหรับคนที่ต้องการรักษาความเป็นเจ้าของธุรกิจไว้ในกรณีที่เกิดการหย่าร้าง ควรพิจารณาหาโครงสร้างธุรกิจที่สามารถปกป้องธุรกิจจากผลของการหย่าร้างได้
ยุติกิจการ เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กจำนวนมากอาจพบว่าการยุติการลงทุนในธุรกิจนั้นง่ายกว่าการดำเนินธุรกิจต่อไป และอาจเป็นทางเลือกที่ดีหากการซื้อหุ้นธุรกิจในส่วนของคู่สมรสอีกฝ่ายนั้นมีราคาแพงเกินไป หรืออีกฝ่ายหนึ่งไม่ใช่ผู้บริหารหลักของธุรกิจ นอกจากนี้ควรจะต้องดำเนินการประเมินมูลค่าธุรกิจเพื่อให้แต่ละฝ่ายได้รับส่วนแบ่งจากธุรกิจในราคาที่ยุติธรรม
ดำเนินธุรกิจต่อไป การหย่าร้างไม่จำเป็นต้องหมายถึงจุดสิ้นสุดของธุรกิจครอบครัวเสมอไป ธุรกิจที่เป็นเจ้าของร่วมกันจำนวนมากดำเนินการโดยคู่สมรสคนเดียว และคู่สมรสสามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ค่อนข้างง่ายหลังจากการหย่าร้าง เช่น หากคู่สมรสเป็นเจ้าของธุรกิจทันตกรรม
โดยมีภรรยาเป็นทันตแพทย์ในขณะที่สามีดูแลบัญชี ภรรยาก็สามารถจะซื้อหุ้นในธุรกิจของอดีตสามีและหาพนักงานใหม่เข้ามาทำหน้าที่ด้านบัญชีแทนได้ นอกจากนี้ในบางกรณีที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักคู่สมรสที่หย่าร้างกันสามารถดำเนินธุรกิจร่วมกันต่อไปได้ ซึ่งแน่นอนว่าในทางปฏิบัติแล้วสถานการณ์เช่นนี้มักจะทำให้มีความกระทบกระทั่งทางอารมณ์ความรู้สึกในการทำงาน
แต่ก็มีความเป็นไปได้หากทั้งสองฝ่ายสามารถแยกชีวิตส่วนตัวออกจากการทำงานได้ หรือมีเป้าหมายดำเนินกิจการเพียงแค่ระยะหนึ่งในระหว่างกำลังรอให้สภาวะตลาดดีขึ้นเพื่อให้สามารถขายธุรกิจได้ในราคาที่ดีขึ้นในอนาคตเท่านั้น
มองหาตัวช่วยในการหย่า สำหรับผู้ที่กำลังจะหย่าร้างสิ่งสำคัญคือต้องขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายโดยเร็วที่สุด แม้การหย่าร้างอาจสร้างความเสียหายทั้งทางอารมณ์ความรู้สึกและทางการเงิน แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายครอบครัวจะช่วยดำเนินการเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของลูกค้ามาเป็นอันดับแรก ซึ่งการได้รับความช่วยเหลือจากทนายความที่มีประสบการณ์ ลูกค้าจะได้รับคำแนะนำที่จำเป็นเพื่อให้สามารถผ่านประสบการณ์ที่ยากลำบากนี้ไปได้โดยไม่บอบช้ำมากนัก
หน้า 17 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,964 วันที่ 8 - 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2567