สังคมชาวบ้าน การเมือง พระสงฆ์ที่เป็นข่าวขณะนี้ ทำเอาชาวบ้านมึนงง เพราะท่านสามารถทำในเรื่องที่ชาวบ้านทั่วไปทำไม่ได้ เหมือนขาด หิริ โอตัปปะ ธรรมคุ้มครองโลก หรือคาถากำจัดคนหน้าด้าน
พวกเราชาวบ้าน จึงเห็นบุุคคลที่ศาลตัดสินลงโทษแต่ไม่ติดคุก แล้วลอยนวล โดยมีนักการเมืองหรือใครบ้างจดจำไม่ได้ พินอบพิเทา (ประจบ) เคารพนบนอบเหมือนไม่ใช่นักโทษ หรือข้าราชการบางคน ผู้บังคับบัญชาลงโทษแล้วก็ยังยืนบอกชาวโลกว่าถูกกลั่นแกล้ง
ถ้ามองไปในวงการพุทธศาสนา ยิ่งละเหี่ยใจ เพราะดูเหมือนพระสงฆ์ มิได้เป็น สังโฆ เม นาโถ เสียแล้ว เพราะชาวบ้าน ทั้งชาย หญิง แก่ หนุ่ม ไม่ไหว้พระสงฆ์ แต่หันไป กราบไหว้เด็กวัย 8 ขวบ ให้เด็กเจิมหน้าผาก นัยว่ามีความสามารถ เชื่อมจิตได้ (ถึงขนาดอ้างว่า เป็นลูกพระพุทธเจ้าเชียวนะ)
คนที่งมงายไปกราบไหว้เด็ก อย่างนี้ควรจะเรียกว่าชาวพุทธหรือไม่
หรือนับถือพระพุทธศาสนา ตามทะเบียนบ้านเท่านั้น โดยไม่รู้ ว่าพุทธคืออะไร ปัญญา คืออะไร ศรัทธาคืออะไร ใครว่าอะไรเลิศ ก็แห่ไปตามนั้น เหมือนกระต่ายตื่นตูม
ความจริงพระพุทธเจ้า สอนหลักความเชื่อ 10 ประการ ที่เรียกว่า กาลามสูตร ให้ใช้เป็นเครื่องมือก่อนเชื่ออะไร จะได้ไม่งมงาย
หลักความเชื่อตามกาลามสูตร นั้น
แต่ให้เชื่อเมื่อใดสอบสวนจนรู้ได้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านั้นเป็นอกุศล มีโทษเมื่อนั้น ควรละเสีย
เมื่อใดสอบสวนรู้ได้ด้วยตนเองว่าธรรมเหล่านั้น เป็นกุศลหรือไม่มีโทษเมื่อนั้นพึงถือปฏิบัติ
ถ้าชาวพุทธ หรือชาวโลกเห็นอย่างนี้ เด็กแสดงอภินิหารอย่างไร ก็ไม่มีใครเชื่อ
ยังมี เรื่องฉาวของพระสงฆ์ ที่เป็นข่าววันที่ 27 เมษายน นี้ ใครได้เห็นได้ฟังก็สลดใจ เพราะผู้ทำผิดกฎหมาย มิใช่พระธรรมดาแต่เป็นถึงเจ้าคุณ มีตำแหน่งปกครอง เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคอีสาน มีวุฒิสูงถึงเปรียญธรรม 9 ประโยค พาคณะสงฆ์ สามเณรเกือบ 10 รูป ไปตั้งแคมป์ในอุทยานแห่งชาติ ภูเขียว จังหวัดชัยภูมิ เพื่อล่าสัตว์ โดยมีปืนเป็นอาวุธ ก็ให้พอดีเจ้าหน้าที่อุทยาน มาตรวจพบจึงจับกุม ส่วนหนึ่งใช้ปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่แล้วเผ่นหนี อีกส่วนหนึ่งถูกจับเพราะหนีไม่ทัน
เรื่องที่พระเณรชุดนี้ทำ เป็นเรื่องอุบาทว์ ผิดทั้งคดีโลก คดีธรรม ไม่ใช่กิจของสงฆ์แม้แต่น้อย แต่มันเป็นเรื่องของฆราวาส ที่ไม่มีศีลธรรมแต่รักสนุก ถูกจับได้ติดคุกสถานเดียว ผู้อ่านท่านคงไม่ลืม ที่นักธุรกิจใหญ่ล่าเสือดำที่ป่าเมืองกาญจนบุรี ถูกจับได้พร้อมของกลาง ศาลตัดสินจำคุกหัวโตพร้อมบริวาร
สรุปว่าคนทั้งหลายตามที่รายงานข่าว ไม่ละอายในสิ่งที่ตนกระทำนั้น ขาดธรรมะคุ้มครองโลกที่เรียกว่า หิริ ความละอายต่อการทำบาป โอตัปปะ การเกรงกลัวต่อผลของการทำบาป
นอกจากคุ้มครองโลก ธรรม 2 ข้อ ยังสามารถส่งผู้ปฏิบัติให้เป็นเทวดาได้ ในชีวิตเป็นๆ (ยังไม่ต้องตายก่อน) ท่านเรียก ว่าเทวธรรม
ใครนำมาประพฤติ ปฏิบัติ ย่อมเป็นที่รักเคารพสักการะของชนทุกชั้น มีประโยชน์เป็นคุณ ดังที่นิพนธ์คาถาในเทวธรรมชาดกและพระสงฆ์ จะสวดหลังทำวัตร สวดมนต์เย็นแล้ว (เพื่อเตือนสติพระสงฆ์) ว่า หิริ โอตตัปปะ สัมปันนา สุกกธัมมะ สมาหิตา สันโต สัปปุริสา โลเก เทวธัมมาติ วุจจเร
แปลความว่าสัตบุรุษผู้เรียบร้อยในโลกถึงพร้อมด้วยหิริ และโอตัปปะ ตั้งมั่นแล้วในสุกกธรรม ท่านกล่าวว่าผู้ทรงเทวธรรม
เราคนดีละอายบาปกรรม ยึดธรรมคุ้มครองโลก เป็นแนวทางปฏิบัติอยู่แล้ว
จึงอยากเห็นคนใหญ่ คนโต คับบ้านคับเมือง ปฏิบัติด้วย คนหน้าหนา จะเบาบางลงสังคมไทยจะเป็นสุข