ผู้สูงอายุส่วนใหญ่ มักจะมีอาการรู้สึกว่านอนไม่ค่อยหลับ หรือมักจะมีนาฬิกาชีวิตติดตัวทุกผู้ทุกคนเสมอ พอหัวค่ำก็มักจะง่วงนอน แต่พอล้มตัวลงไปนอน ก็นอนไม่ค่อยหลับ ครั้นพอเช้ามืด ไก่ยังไม่ทันจะโห่เลย ก็จะตื่นนอนโดยอัตโนมัติเสมอ
ซึ่งผู้สูงอายุทั่วไปมักจะมีอาการเช่นนี้เสมอ ถ้าวันไหนนอนเร็วกว่าปกติก็จะตื่นตี 2-ตี 3 แต่ถ้าวันไหนเที่ยงคืนยังไม่หลับ คราวนี้ก็จะแทบนอนไม่หลับทั้งคืน นั่นคืออาการบ่งบอกว่า “เราแก่แล้วนะ” อย่าได้นิ่งนอนใจเป็นอันขาด ควรจะต้องหาทางแก้ไข ก่อนที่จะเป็นสาเหตุของโรคภัยไข้เจ็บมาสู่ตัวเรานะครับ
หากพวกเราชาวสมาคมผมขาวทั้งหลายแหล่ มีอาการนอนไม่หลับ หรืออดหลับอดนอนบ่อยๆ ย่อมมีปัญหาสุขภาพที่ตามมาด้วยเช่นกัน ซึ่งส่วนตัวผมเองโชคดีมากๆ เพราะผมจะไม่ค่อยมีอาการเช่นนี้เลย ไม่ว่าผมจะไปนอนที่ไหน พอหัวสัมผัสกับหมอน ไม่เกินห้านาที รับรองโรงสีข้าวเริ่มทำงานทันที เสียงนอนกรนของผมสนั่นหวั่นไหว จนคนรอบข้างต้องหนีไปนอนที่อื่นหมดครับ
แต่ผมจึงมักจะบอกคนใกล้ชิด(ก็ภรรยาผมนั่นแหละ)เสมอว่า ควรจะต้องข่มตาให้หลับให้ได้ อย่าปล่อยให้การนอนไม่หลับ มันจะทำลายสุขภาพของเราโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ได้ จะนอนนับแกะหรือนอนนับเลข ก็ต้องอดทนทำให้ได้ ต้องนอนให้หลับไป อย่าคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนนอนไม่หลับเด็ดขาด
เรามาดูว่าหากเราทำไม่ได้ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น สิ่งแรกที่จะตามมาที่เกิดขึ้นต่อการอดหลับขับตานอน ในวันต่อมาก็จะทำให้ไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง อารมณ์ความรู้สึกก็จะเสียตลอดทั้งวัน ตามมาด้วยร่างกายจะเหนื่อยง่าย ปวดเมื่อยตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้ในระยะยาว จะเกิดการสูญเสียพลังงานทางร่างกาย พาลจะนำพาเอาโรคต่างๆ เข้ามาสู่ตัวเองได้ง่ายๆ ครับ
ซึ่งในด้านกายภาพ จะทำให้พลังงานมักจะลดลงอย่างมีนัยยะ ตัวอย่างคล้ายๆ กับในช่วงเวลาหลังการเจ็บป่วย การผ่าตัด จะทำให้เกิดการสูญเสียพลังงานอย่างมาก แน่นอนว่าการอดนอนหรือนอนไม่หลับ มักจะทำให้เรามีอาการคล้ายๆ กับอาการที่กล่าวมาทั้งหมด
ส่วนพลังงานทางด้านจิตใจ หากอดหลับอดนอน จะทำให้อารมณ์ความรู้สึกเสียตลอดวัน อีกทั้งจะทำให้มีอาการสมองมึนงง จนกระทั่งทำงานไม่ได้เต็มที่ อารมณ์หงุดหงิด โกรธง่าย พลังทางด้านความคิดก็จะลดน้อยถอยลง คนจีนแต้จิ๋วจะพูดว่า “บ่อเจ็งเส็ง” นั่นเองครับ ดังนั้นนอนให้เพียงพอ น่าจะดีที่สุดครับ
เรามักจะมีคำถามเสมอว่า แล้วเวลานอนของคนเรานั้น ควรจะนอนกี่ชั่วโมงต่อวัน จึงจะเหมาะสม คำตอบคือ “ตอบยากมาก” เพราะแล้วแต่ปัจเจกบุคคลครับ เพราะสภาพร่างกายแต่ละคนจะไม่มีทางเหมือนกันทั้งหมด อีกทั้งอายุหรือวัยของแต่ละคนก็แตกต่างกัน หรือแม้ว่าบางครั้งจะเป็นคนที่อยู่ในวัยเดียวกัน แต่ความแข็งแรงของแต่ละคนก็ยังคงมีความต่างกัน
ดังนั้นต้องแล้วแต่ละคนๆ ไป แต่อย่างไรก็ตาม อย่างน้อยๆ ก็ต้องหลับให้ได้อย่างน้อยสัก 6 ชั่วโมง แล้วก็ต้องหลับให้สนิทนะครับ เมื่อทำได้เช่นนี้ ตื่นมาในวันถัดไป จะทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่าอย่างทันตาเห็นเลยครับ แต่ต้องบอกก่อนนะครับว่า ก่อนนอนต้องไม่ไปรับสิ่งที่จะกระตุ้นอารมณ์หรือจิตใจเราเป็นอันขาด เช่นการดื่มเหล้าเมามาย หรือใช้ยาหรือสารเสพติด นั่นก็นอกเหนือกฎเกณฑ์นะครับ
อาจจะมีคำถามต่อว่า ที่นอนไม่หลับนั้นมีสาเหตุเกิดจากอะไรบ้าง? ก็เป็นคำตอบที่ยากอีกนั่นแหละครับ แต่พอจะอนุมานได้คร่าวๆ ว่า สาเหตุเกิดจากหลากหลายปัจจัยมาก เช่น คนบางคนก็เนื่องมาจากเหตุผลทางพันธุกรรมหรือบุคลิกภาพ เช่นโรคประสาท ความไม่เหมาะสมของร่างกาย หรือเป็นนักอุดมคตินิยม (ก็เป็นคนคิดมากนั่นแหละครับ) จะทำให้เกิดเกณฑ์การนอนไม่หลับของคนเหล่านั้นต่ำกว่าคนปกติทั่วไป
แม้ว่าจะไม่มีปัจจัยอื่นมาทำให้นอนไม่หลับ แต่ก็สามารถเกิดมีอาการที่จะทำให้นอนไม่หลับได้บางคนก็อาจจะเกิดจากปัจจัยภายนอกรุมเร้าเข้ามา ตัวอย่างเช่น ความกดดันในการทำงาน ความขัดแย้งระหว่างบุคคลต่างๆ หรือการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตจากปกติที่เคยเป็นอยู่
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่เราคาดคิดไม่ถึงอีก เช่น การนอนอยู่บนเตียงนานเกินไปแล้วไม่ยอมหลับเสียที หรือการกระทำกิจกรรมไม่เกี่ยวข้องกับการนอนอยู่บนเตียง(แฮ่.....) พฤติกรรมเหล่านี้จะทำให้การนอนหลับยากขึ้นนั่นเอง
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ควรจะหาวิธีแก้การนอนไม่หลับ ซึ่งก็สามารถทำได้ด้วยกันหลายวิธี แล้วแต่ละคนจะทำกันอย่างไร เช่นการบำบัดทางปัญญา เพื่อแก้ไขความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการนอนหลับหรือนอนไม่หลับ
ตัวอย่างเช่น บางท่านอาจจะมีความคิดหรือกังวลกับการนอนให้ได้อย่างน้อย 8 ชั่วโมง เพราะการนอนไม่ครบตามชั่วโมงที่ตั้งไว้ ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด แม้ว่าจะนอนไม่ครบตามชั่วโมงดังกล่าว ก็ไม่มีปัญหาร้ายแรงอะไรมากเลย
ซึ่งหากเกิด “ปัญญา”จะทำให้ไม่รู้สึกกดดัน จิตใจผ่อนคลาย ก็จะนอนหลับไปเองแหละครับ อีกสาเหตุหนึ่งคือ สุขอนามัยในการนอน เช่นการสร้างสภาพแวดล้อมการนอนที่ดี และนิสัยของการนอนหลับ ตัวอย่างเช่น ปรับปรุงสภาพแวดล้อมในเตียงนอน ในห้องนอนต้องมีอุณหภูมิที่เหมาะสม หรือมีเสียงเพลงเบาๆ มีเตียงนอนที่นุ่มสบาย อีกทั้งต้องหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มชาหรือกาแฟก่อนเข้านอน ฯลฯ คนที่มีนิสัยชอบงีบหลับกลางวัน ก็ลองพยายามงดการงีบหลับดูนะครับ อาจจะได้ผลดีก็ได้ครับ
อีกวิธีหนึ่งคือการฝึกการผ่อนคลายก่อนนอน ซึ่งเป็นเทคนิคในการผ่อนคลายที่มีประสิทธิภาพ สามารถใช้เพื่อลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ ส่งเสริมให้เราได้นอนหลับสนิทหรือหลับลึก วิธีการเฉพาะได้แก่ การทำสมาธิ หรือฝึกฝนเทคนิคการกำหนดลมหายใจ การผ่อนคลายกล้ามเนื้อแบบเบาๆ ไม่หักโหมจนเกินไป ทำอย่างมีสตินะครับ จะทำให้เราได้หลับสนิทได้ครับ
วิธีสุดท้าย หลังจากได้ทดลองมาหลากหลายวิธีข้างต้นแล้วไม่ได้ผล ซึ่งผมไม่อยากแนะนำให้ใช้ยานอนหลับนะครับ ท่านคงต้องนอนนับแกะแล้วละครับคราวนี้ ถ้ายังไม่นอนหลับอีก ก็ต้องนับขาแกะหรือขนแกะ สุดท้ายๆๆๆๆ ก็ตัวใครตัวมันเลย!!!!!!!