ปรากฏการณ์ องค์กรตำรวจ แตกเป็นเสี่ยง

28 ก.ย. 2566 | 05:55 น.
อัปเดตล่าสุด :28 ก.ย. 2566 | 06:29 น.

ปรากฏการณ์ องค์กรตำรวจ แตกเป็นเสี่ยง คอลัมน์ฐานโซไซตี หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3926 ระหว่างวันที่ 28-30 ก.ย.2566 โดย...กาแฟขม

*** เช้าตรู่วันจันทร์ที่ 25 ก.ย.2566 ฟ้าผ่าวงการสีกากีตั้งแต่เช้า เมื่อตำรวจไซเบอร์สนธิกำลังตำรวจหลายหน่วยรวมทั้งคอมมานโด เปิดปฏิบัติการค้นบ้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยอ้างว่าเป็นการสืบค้นต่อเนื่องพร้อมกันหลายจุด เพื่อทลายเครือข่ายการพนันออนไลน์ มีลูกน้องใกล้ชิด รอง ผบ.ตร. ถูกตั้งข้อกล่าวหาหลายคน แม้การตรวจค้นบ้านบิ๊กโจ๊ก จะไม่พบของที่ผิดกฎหมาย ที่บอกฟ้าผ่า เพราะไม่เคยมีปฏิบัติการในลักษณะนี้มาก่อนกับคนระดับ รองผบ.ตร. ก่อนที่บิ๊กโจ๊กจะออกมาบอกว่าเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เสียชื่อเสียง

*** ปรากฏการณ์สะท้านสะเทือนวงการสีกากีครั้งนี้ สะท้อนองค์กร ตร.แตกแยกออกเป็นเสี่ยงๆ แบบไม่มีชิ้นดี ชนิดที่คนไม่ได้ติดตามข่าวสารบ้านเมืองก็รู้ มีการเล่นการเมืองกันหนักหน่วงใน สตช. โดยเฉพาะผู้บริหารระดับสูง ในห้วงการชิงตำแหน่ง ผบ.ตร. ที่กำลังว่างลง เสมือนมีการเล่นมาเล่นกลับ ชกมาสวนกลับกันไปมา ก่อนหน้านี้ ตร.ตกต่ำถึงขีดสุดเมื่อไปกินข้าวบ้านผู้กว้างขวาง ผู้มีอิทธิพล ก่อนถูกยิงเสียชีวิต เมื่อขัดใจผู้มีอิทธิพล มีการตั้งข้อกล่าวหา ตร.ช่วยผู้ต้องหาหนี ละเว้นการปฏิบัติ หรือ ปฏิบัติหน้าที่มิชอบ เป็นกลุ่มๆ สำหรับตร.ที่เข้าร่วมงานเลี้ยง มีความไม่พอใจเกิดขึ้นเมื่อมีการกล่าวหาตำรวจบางกลุ่ม จนเกินธง ปฏิบัติการเอาคืนจึงเกิด จนแยกไม่ออก 2-3 เรื่องที่เกิดขึ้นในวงการ ตร. ระลอกนี้เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกันหรือไม่ ต้องดูซีรี่ส์ยาวกันละกระมัง ***

 

 

*** องค์กร ตร.ต้องเข้มแข็ง เป็นเอกภาพ เป็นหลัก ถ้าจะปราบปรามผู้มีอิทธิพล ไม่ใช่ ตร.จะไปรับใช้ผู้มีอิทธิพล หรือ เสริมบารมี สยบยอม หมอบราบคาบแก้วต่อผู้มีอิทธิพล รัฐบาลต้องสนับสนุนและใช้อำนาจอย่างเป็นธรรม ไม่ใช่ปราบผู้มีอิทธิพล แล้วผลักดันตัวเองขึ้นไปเป็นผู้มีอิทธิพลใหม่ ประชาชนไม่ต่างจากหนีเสือปะจระเข้ พอมีเรื่องใหญ่สะท้อนอิทธิพล หรือ ฝีแตกขึ้นมาคราใด ก็ขึงขังกันเป็นรอบๆ ไม่มีประโยชน์ การขึ้นบัญชี ตีทะเบียนผู้มีอิทธิพลรอบนี้ของกระทรวงมหาดไทยก็เช่นเดียวกัน หวังว่าจะทำแบบเป็นธรรม เว้นพรรคพวกตัวเอง ขึ้นบัญชีฝ่ายตรงข้ามในทางการเมือง อย่างนี้ก็เท่ากับอยู่ในโลกยุคเก่า ฝ่าฝืนยุคสมัย

*** กลับมาจากประชุมที่ยูเอ็น เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มีเรื่องให้ปวดหัวหงุดหงิด เมื่อไปให้สัมภาษณ์จะตั้งโทนี่ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเป็นที่ปรึกษา แน่นอนว่าชื่อ ทักษิณ การันตีทั้งคนรักคนชัง คนไม่ชอบก็ฮึ่มๆ กังขาเรื่องนอน รพ.รักษาตัว แทนนอนเรือนจำ ว่าความเป็นธรรมอยู่ตรงไหน คนรักก็บอกควรปรึกษามีประสบการณ์ มีความรู้ มีประโยชน์ ก็จะกลายเป็นชนวนขัดแย้งปะทุขึ้นมาอีกรอบ จึงชวนให้หงุดหงิดประการที่ 1 ถัดมาเป็นแต่งตั้ง ผบ.ตร. แทนตำแหน่งที่กำลังว่างลงนี่แหละ เมื่อสีกากีแตกดังโพละ การตั้งจึงไม่ง่าย อาวุโส ความรู้ ความสามารถ หรือ ความสามารถ อาวุโส หรือ ไม่ต้องสนใจตั้งกันไปตามหน้าตั๋ว ก็ชวนให้หงุดหงิดประการที่ 2 ถัดมาเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่จะหามาใช้ตามนโยบายแจกเงินดิจิทัล 5.6 แสนล้านนี่แหละ อันนี้ก็ชวนปวดหัว มิใช่น้อย ทุกเรื่องต้องอธิบายความให้ชอบธรรมให้ได้

*** ไปที่แวดวงธุรกิจเสียหน่อย ได้ยินแว่บๆ อาจจะตกใจ แต่ไม่ต้องตกใจไปกรณี ชูเกียรติ รุจนพรพจี ซีอีโอ SABUY ขายหุ้นและ SABUY W2 ออกมาแว่วว่า ชูเกียรติ นำเงินที่ได้จากการขายไปจำนวน 50 ล้านบาท มาใช้สิทธิแปลง SABUY W2 จำนวน 10 ล้านหน่วย เป็นหุ้น SABUY 10 ล้านหุ้น นั่นเอง เป็นการเพิ่มทุนและกระแสเงินสด ให้ SABUY 50 ล้านบาท โดยเฮียชูขายหุ้น Sabuy และ Sabuy W2 ออกมาเป็นมูลค่าใกล้เคียงกัน หลังจากทำธุรกรรมนี้ เฮียชูจะถือหุ้น SABUY เพิ่มขึ้นอีก 4.2 ล้านหุ้น ครองความเป็นผู้ถือหุ้นมากที่สุดเป็นอันดับ 1 อย่างเหนียวแน่น และยังแว่วๆอีกว่ากองทุนระดับโลกจากอเมริกา สนใจเตรียมเข้าลงทุนใน SABUY